เมื่อวานเพลินมีโอกาสได้ไปทานมื้อพิเศษที่ “หุบเขาคนโฉด” หรือ Bad Boy Valley ค่ะ ได้ยินมานานแล้วอยากไปมากเพิ่งได้มีโอกาส ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นดินแดนกลางหุบเขา อาหารแบบ Chef Table ปรุงอย่างพิถีพิถันละเมียดละไม และสถานที่ที่ตกแต่งจัดเต็มอลังการราวกับขนปราสาทและมิวเซียมมาไว้กลางเขายังไงยังงั้น
หุบเขาคนโฉดตั้งอยู่ที่อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพลินเป็นคนเชียงใหม่เลยไม่ต้องแพลนเยอะ แต่ขอบอกว่าขึ้นไปหุบเขาคนโฉดแล้วอยู่ทานนี่อย่างต่ำสามชั่วโมงครึ่งนะคะ จะเป็นลักษณะเจ้าของค่อยๆ ทำเสิร์ฟทีละจาน รวม 6-8 คอร์สแล้วแต่ ค่อยๆ พูดคุย สนทนากันไปกินบรรยากาศ ดังนั้นก็เผื่อเวลาไว้เลยค่ะ
เพลินไปถึง 18.00 กลับถึงบ้านในตัวเมืองเชียงใหม่ 23.30 น. นะคะ อิอิ ต้องมีเวลา จะมารีบกินรีบกลับไม่ได้ค่ะ
How to go: วิธีไปก็เสิร์ชกูเกิ้ลแมพแล้วขับมาเลยค่ะ เสิร์ชว่า “หุบเขาคนโฉด” หรือ “Bad Boy Valley” จะนั่งรถออกนอกตัวเมืองเชียงใหม่มาทางอำเภอแม่ริม นั่งไปไกลเกือบชั่วโมง ระหว่างทางจะไม่เห็นป้ายบอกอะไรไม่ต้องตกใจค่ะ ตามจีพีเอสไปอย่างเดียวเลย อาจจะรู้สึกกลัวๆ บ้างที่หันไปเป็นทุ่งนาป่าเขาไม่เห็นอะไร แต่ขับไปค่ะ ขับไปจนเห็นรูปปั้นสิงห์สีชมพูให้หาที่จอดเลยค่ะ เรามาถึงแล้ว
จากนั้นก็ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกทีค่า
ที่นี่ไม่แมส ไม่ได้ดังตามหน้าโซเชียล แต่อาศัยบอกปากต่อปาก คุณกุ่ยและคุณยศเจ้าของหุบเขาคนโฉดจะรับวันละไม่เกิน 3 โต๊ะ ถ้ามากลุ่มใหญ่ก็รับแค่กลุ่มเดียว
ไม่รับ walk-in ต้องโทรมาจองล่วงหน้า และด้วยความที่ใครๆ ก็อยากมา แต่รับจำกัด ก็เลยยิ่งทำให้คนยิ่งอยากมากันใหญ่
หุบเขาคนโฉด ที่มามาจากเจ้าของคือคุณกุ่ยกับคุณยศ ที่สะสมและค้าของเก่าอยู่ที่ถ.นิมมาน แต่เมื่อร้านต้องปิดก็เลยย้ายคลังของสวยๆ งามๆ ทรงคุณค่าทั้งหลายขึ้นมาอยู่บนเขา ซึ่งเป็นที่ที่ตั้งใจทำเป็นบ้านอยู่อย่างสงบ ดื่มด่ำกับงานศิลปะ ปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่น
เดิมตั้งใจทำเป็นแกลอรี่และมิวเซียม แต่ไปๆ มาๆ การจัดเลี้ยงอาหารกลายเป็นของที่คนเรียกร้อง จึงบังเกิดเป็นมื้ออาหารสุดพิเศษน่าประทับใจที่คุณยศลงมือทำด้วยตัวเองทุกจาน
ค่อยๆ พูดคุยสนทนากันไป แต่ละจานคุณกุ่ยจะอธิบายวัตถุดิบที่ใช้ ที่มา แรงบันดาลใจ ทำให้เราตื่นเต้นและดื่มด่ำกับทุกจาน แต่ละคำที่ผ่านเข้าปากล้วนมีคุณค่า มีความหมาย มีจิตวิญญาณ
จากนั้นคุณกุ่ยจะพาไปชมศิลปะ ของโบราณเก่าแก่ทั้งหลายที่สะสมไว้ ซึ่งมีหลากหลายแนวไปตั้งแต่รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมโบราณ ภาพวาด ผ้าทอ สัตว์สตาฟ เตียงไม้พันปี ที่พวกเราได้แต่ร้องโอ้โห ฮือฮากันตลอดทาง
เอาล่ะค่ะ มาดูกันพอเราปีนขึ้นมา (ใช้คำว่าปีนน่ะถูกแล้ว) ก็จะผ่านทางเดินเป็นป่าอีกถึงจะถึงอาณาจักรหุบเขาคนโฉดที่แท้จริง มีพนักงานพาเราไปนั่งเล่นศาลา เสิร์ฟ welcome drink เป็นเกล็ดหิมะลำไย
ระหว่างทางเห็นหงส์ดำคู่นี่กำลังว่ายน้ำเล่นอย่างสนุกสนาน โดยมีไก่วิ่งอยู่รอบๆ บ่อ
จากศาลาเดินขึ้นมาจะถึงห้องกระจกที่เราจะทานอาหารกัน หน้าห้องมีนกแก้วหลายตัว
การตกแต่งก็จัดเต็มแบบที่สุด เพลินมาหลังจากวันที่ Bobbi Brown มาจัดงาน ดอกไม้ก็เลยยิ่งเต็มเข้าไปอีก สวยมากเลยค่ะ ทั้งภาพวาด แชนเดอเลีย และดอกไม้อลังการ
พวกเราค่อย ๆ คุยกันไป ถ่ายรูปกันไป จนอาหารจานแรกเริ่มเสิร์ฟ แต่ละจานจะมีที่มา และปรุงจากวัตถุดิบหลากหลาย คุณกุ่ยเล่าไปเราก็ฟังเพลินไป
(อาหารจะเปลี่ยนไปตามผักผลไม้ตามฤดูกาลนะคะ เราก็จะเดาไม่ได้ว่าจะได้กินอะไร ใครเคยมาแล้ว มาอีกก็จะได้ทานเมนูไม่ซ้ำเดิมค่ะ)
เรามาเริ่มจาก
ศรีมาลา
มังคุดกรอบในน้ำเชอรี่ปั่น ผสมพาร์สลีย์ ปลากรอบแซมกับใบบัว ราดด้วยกระเทียมเจียว

แครกเกอร์ฟักทอง
แครกเกอร์ราดด้วยเนื้อฟักทองสับ ใช้ฟักทองที่ชาวบ้านปลูก เคี่ยวด้วยมะขาม หวานอมเปรี้ยว เสิร์ฟครู่ผักสดอย่างใบโหระพา และลูกฟิก ประดับด้วยฟักทองที่ทำเป็นรูปน่ารักๆ

น้อยใจยา
Signature ของที่นี่เลยค่ะ คล้ายปอเปี๊ยะสด ใช้แป้งนิ่มบางห่อผักและสมุนไพรกว่า 20 ชนิด เช่น กุหลาบมอญ ลินิน ดอกเข็ม อัญชัน และอื่นๆ อีกมากมายฟังไม่ทัน แต่คุณกุ่ยจำได้หมดเลยว่ามีอะไรบ้าง น้ำจิ้มใช้มะขามเคี่ยว ทานเสาวรส ส้ม มะเฟืองข้างๆ ส้มเป็นส้มออร์แกนิกด้วยนะคะ
ทานแล้วไม่รู้สึกว่าทานผักขมๆ ทุกอย่างลงตัวทั้งหวาน เปรี้ยว และชุ่มฉ่ำ ทานแล้วสดชื่นแบบพอดีๆค่ะ ชอบมาก

เซียวเหล่งนึ่ง
เมนูนี้เพลินชอบมาก รสชาติจะเหมือนยำๆ หน่อย มีกุ้ง อะโวคาโด บร็อคโคลี่ สาหร่ายพวงองุ่น และเมล็ดทับทิม ที่ชื่อเซียวเหล่งนึ่งเพราะเซียวเหล่งนึ่งเป็นสาวน้อยนอนบนเตียงหยก เช่นเดียวกับกุ้งน้อยๆ ที่นอนอย่างสงบนิ่งบนอะโวคาโด (ล้ำลึกมาก)
กุ้งนี่ไม่ผ่านฟอร์มาลีนนะคะ ปลอดภัยสุดๆ

หน่ออั่ว
หน่อไม้ยัดไส้ ทานกับน้ำจิ้มอาจาดแอปเปิ้ลเขียว ทานแนมกับแตงกวาฮอลแลนด์ แหนม ไส้อั่ว ลูกไหน และปูอ่อง ผสมผสานความเป็นพื้นเมืองเชียงใหม่พอดี๊พอดี

ข้าวหมาก
ทานล้างปากก่อนเริ่ม Main Course

Main course
อาม่ามาแอ่ว
เต้าหู้แต้จิ๋วแท้ สูตรเมืองตรังดั้งเดิมของคุณกุ่ย… หอมถั่วเหลืองมากๆ และเป็นสูตรโฮมเมดแท้ๆ เลยค่ะ น้ำจิ้มสูตรแต้จิ๋วเคล็ดลับจากครอบครัวถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ความเด็ดในน้ำจิ้มมีผักชีฝรั่งกับกระเทียมสับละเอียด ใส่บ๊วยดองโทริยาม่า ท่านคู่กับปลานิล และมะเขือม่วง แกล้มกับดอกไม้ต่าง ๆ (ดอกขาวๆ คือดอกอูนค่ะ แปลกดี) กับ กระเจี๊ยบ ฟักทอง
เริ่มอิ่มแล้วแต่อร๊อย อร่อย
แอ่ว ภาษาเหนือแปลว่าเที่ยว ก็เหมือนอาม่าที่เมืองตรังของคุณกุ่ยคุณยศมาเยี่ยม ก็เลยมีของดีจากเมืองตรังมาฝาก (เต้าหู้และน้ำจิ้มสูตรเมืองตรัง)

ต้มจืดลูกชิ้นปลาสาก
น้ำซุปนัวมาก และเนื้อลูกชิ้นเด้งดึ๋งแบบไม่ใส่สาร คือดี เสียดายลืมถ่ายรูปมาค่ะ
ขนมกล้วย
ขนมกล้วยและแก้วมังกร เป็นของหวานตบท้ายกันสักหน่อย

Birthday Surprise!
หมดของหวานแล้วก็ว่าทำไมเงียบไปนาน ที่แท้…. เซอร์ไพรซ์วันเกิดเก๊านี่เอง
Lemon Cream Cheese Tart ไม่หวานมากกำลังดี อร่อยละมุนลิ้น คุณกุ่ยบอกทานคู่กับดอกไม้ได้นะ อร่อยมากค่ะ ดีใจ
เสร็จจากมื้ออาหารราว 22.20 น. คุณกุ่ยก็พาเราชมพิพิธภัณฑ์ในบ้านค่ะ
รูปปั้น “นัต” 2 องค์จากพม่า ช่วยปกปักรักษาคุ้มครองอาณาจักรหุบเขาคนโฉดแห่งนี้
ศิลปะอื่นๆ หลากหลาย
มีของโบราณอีกมากเพลินถ่ายมาลงไม่หวาดไม่ไหวค่ะ เป็นค่ำคืนที่สุนทรีย์หลากหลายรสชาติดีจริงๆ ค่ะ
TIPS: เผื่อเวลาไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมงในการไปเยือนหุบเขาคนโฉดค่ะ ทั้งขับรถ ทานอาหาร เที่ยวชมข้างใน และขับรถกลับ
TIPS: ทานอะไรรองท้องไว้เผื่อก็ดีค่ะ อาหารจะค่อยๆ ทะยอยออก
TIPS: อาหารจะเน้นความกลมกล่อมและความลงตัวของวัตถุดิบท้องถิ่นบ้าง ต่างถิ่นบ้าง เน้นดึงรสของวัตถุดิบนั้นๆ ออกมามากกว่าจะปรุงให้จัดจ้าน ไม่เหมาะกับคนที่คาดหวังจะมาทานอาหารว้าวมิชลินสตาร์ ที่นี่จะเน้นกลมกลืนกับธรรมชาติ กินบรรยากาศ ดื่มด่ำกับเรื่องราวอาหาร แวดล้อมด้วยศิลปะ
ส่วนตัวเพลินชอบมาก แต่เคยได้ยินคนบ่นเพราะคิดว่าจะมาเจออาหารที่ร้องว้าวววเหมือนรายการทีวี และอยากจะรีบๆ กลับ ถ้าอย่างนั้นจะไม่เหมาะนะคะ
และไม่เหมาะกับเด็กค่ะเพราะจะเบื่อเอา และไม่มีที่วิ่งเล่น (เต็มไปด้วยของเก่าโบราณและแชนเดอเลีย)
Summary
How to Book: Booking Only (No-walk-in)
Call: 09-6789-5619
Instagram: @badboyvalley
Price: 2,500 ฿ / person (may vary, it depends)
How to go: เสิร์ชแมพหรือจีพีเอส “หุบเขาคนโฉด” หรือ “Bad boy Valley” ขับมาเรื่อยๆ จนเจอรูปปั้น สิงโตสีชมพู ให้หาที่จอดและเดินขึ้นเขามา เข้าประตูกลมที่สอง