First Time Solo travel in Taiwan

แม้จะเดินทางอยู่หลายครั้งแต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางเที่ยวเองคนเดียว คงเป็นเพราะเครียดจากงานสะสมเป็นเวลานาน นอนน้อย พักผ่อนไม่พอ ทำให้ฉันปวดหัวทุกวันจนบอกตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว ฉันต้องหลุดไปจากตรงนี้ให้ได้

นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางคนเดียวเป็นครั้งแรก… ผจญภัยคนเดียว เที่ยวคนเดียวในประเทศที่ไม่เคยไปมาก่อน… ฉันเลือกไต้หวันเพราะเดี๋ยวนี้ไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว ประเทศไทยได้รับยกเว้นวีซ่า และได้ยินคำร่ำลือว่าไต้หวันเที่ยวง่าย คนพูดอังกฤษได้ สะอาด ทัศนียภาพสวยงาม มีความคล้ายญี่ปุ่นมากกว่าจีน แต่เป็นญี่ปุ่นที่ราคาย่อมเยาลงมา และเป็นจีนที่สะอาดสะอ้าน มารยาทงาม

ฉันตัดสินใจมาแบบไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้

เริ่มต้นจอง Expedia มีโจทย์ในใจคือเลือกสายการบินที่นั่งสบาย และโรงแรมดีๆ ทำเลใจกลางเมือง อยู่ติดรถไฟฟ้าหรือรถใต้ดินให้มากที่สุด อะไรก็ได้ให้ย่นระยะเวลาเดินเท้าจากโรงแรมไปขนส่งสาธารณะให้มากที่สุด

ฉันจึงเลือกการบินไทย และจองโรงแรม The Okura Prestige ที่ได้รีวิว 9 ดาว นอกจากความเป็นโรงแรมเชนญี่ปุ่นระดับห้าดาว หกดาวที่การันตีเรื่องห้องพัก บริการแล้ว ทำเลโอกุระที่ไทเปถือว่าพรีเมี่ยมมากเพราะอยู่ใกล้สถานี MRT จงซานแค่เดินไม่ถึงสามนาที เหมาะกับคนขี้เมื่อย ขี้เกียจอย่างฉันที่สุด

บางคนรู้ราคาอาจจะกรี๊ดว่าฉันจองไปได้ยังไง แต่บอกเลย ฉันให้คุณค่ากับการนอนหลับพักผ่อน และความสะดวกสบาย เรื่องนี้เป็นเรื่องแล้วแต่บุคคล ไม่มีผิดไม่มีถูก

บางคนอาจบอกเงินจำนวนนี้เอาไปกินหรูได้หลายมื้อ หรืออาจตีเป็นค่าห้องพักโรงแรมโฮสเทลได้เพิ่มอีกหลายคืน…แต่อย่างที่บอก ฉันไม่ได้กะให้คุ้มทุกเม็ดอะไรขนาดนั้น ฉันอยากนั่งสบาย นอนสบาย เพราะเวลาเที่ยวฉันก็เที่ยวจนเหนื่อยนะ

วันแรกที่ถึงไทเป ตอนลงเครื่องก่อนถึงตม. ก็มีซุ้มขายซิมมือถือที่พ่วงอินเตอร์เนตด้วย เหมาะกับคนติดโซเชียลอย่างฉัน ฉันมา 5 วันจึงเลือกแพคเกจ 5 วัน 300 TWD เล่นเนตได้ไม่จำกัด ฉันเอาโทรศัพท์มาสองเครื่อง เครื่องนึงเปิดโรมมิ่งมาจากไทย (แนะนำให้เปิดมานะคะ เผื่อฉุกเฉินอะไรเราจะได้ใช้ได้) อีกเครื่องมาซื้อซิมไต้หวันใช้

เนตไต้หวันเร็วมากกกกกกกก

ฉันติดโทรศัพท์ และใช้อินเตอร์เนตหาข้อมูลพอๆ กับที่อ่านหนังสือ ฉันจึงเปิดโรมมิ่งมา (หลายคนอาจบอกว่าเปลือง) แต่ลองนึกสภาพว่าถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรก่อนที่เราจะทันได้ซื้อซิมต่างประเทศล่ะคะ มีไว้ไม่เสียหลายหรอก แล้วถ้าได้ซิมใหม่ เราก็ค่อยกดยกเลิกโรมมิ่งที่ไทยก็ได้ หรือใครจะซื้อ sim2fly จากไทยมาก็ได้เหมือนกัน

แต่ฉันชอบทำแบบนี้ เพราะฉันมีโทรศัพท์ 2 เครื่อง เครื่องนึงใช้งานหลัก อีกเครื่องไว้ถ่ายรูป

คิวตม. ยาวเหมือนกัน แต่พอออกมาแล้วก็รวดเร็ว ได้กระเป๋าทันใจ ฉันเดินไปเรียกแทกซี่ตรงคิว ตัวเองมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ กระเป๋าสะพาย และกระเป๋าแฮนด์แครี่อีกใบ ฉันไม่สามารถถึกแบกมันตัวคนเดียวไปขึ้นรถไฟฟ้าตุเลงๆ ได้หรอก กว่าจะถึงกลางเมือง แล้วต้องตุเลงๆ ต่อไปโรงแรมอีก เดินอีก อย่าลืม กระเป๋าสามใบ ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว

เรียกแทกซี่สิคะ จะเหนื่อยทำไม

ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงมาถึงโรงแรมโอกุระ เช็กอินอะไรเรียบร้อยฉันก็นอนแช่สักแป๊บ เปิดหนังสือดูว่าจะไปละแวกใกล้ๆ ก่อน เลยไปวัดซิงเทียน Xintian Temple และ ย่าย Xi Men Ting ที่เหมือนสยามบ้านเรา

ฉันเปิดกูเกิ้ลแมพดูว่าสถานี MRT Zhongshan Station อยู่ไหน ก็เดินไปตามนั้น ออกจาก รร เลี้ยวขวา ข้ามแยกไป เดินไปนิดนึงก็ถึงสถานีจงซานทางออก 3 ตลอดทางมีร้านรวงมากมายให้สำรวจ ฉันเลือกซื้อ Easy Card ที่ใช้เหมาะเดินทางไปมาทั้งรถเมล์ รถใต้ดิน ใช้จ่ายของในร้านสะดวกซื้อบางแห่งได้ด้วย มีค่าบัตร 100 TWD และทอปอัพเติมเงินตามใจเรา ฉันเลือก 500 TWD รวมที่ต้องจ่ายเป็น 600 TWD ค่าบัตรนี่เค้าไม่คืนนะคะ แต่บอกว่าเอามาใช้ได้ตลอดถ้ามาไต้หวันอีก

เติมเงินเสร็จฉันก็หยิบแผนที่ใต้ดินมาด้วย ค่อยสบายหน่อย ก็ดูว่าไปลงสถานี Xingtian Temple Station ไปถึงให้ออกทางออกสาม เลี้ยวขวา เดินไปเรื่อยๆ จะถึงวัด

ฉันเดินๆๆๆๆๆ ไป สองข้างทางเป็นต้นไม้ตลอดทางร่มรื่นดี แต่เดินไปนานๆ ก็ชักเมื่อย ร้อน รู้สึกทำไมไม่ถึงสักที เลยถามคนข้างทาง เขาก็ตอบภาษาอังกฤษกันได้ดี บอกว่าเดี๋ยวก็ถึง

สุดท้ายก็ถึงจนได้ วัดนี้อยู่กลางเมืองมากๆ ดูไม่เข้ากับตึกรอบๆ เลยแต่ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบค่ะ คนเยอะเหมือนกัน เค้าบอกวัดนี้คนไทยไม่ค่อยฮิต และไม่มีการจุดธูป เผากระดาษไรวุ่นวาย เพราะเน้นพลังสมาธิ สงบสำรวม อธิษฐานจิต ฉันเลยชอบ เพราะไม่ต้องเหม็นควันหรือแสบตา

วัดนี้สวยมากค่ะ ดูไม่เก่า และแม้จะคนเยอะก็ยังรู้สึกถึงความสงบ อาจเป็นเพราะรอบวัดต้นไม้เยอะมากด้วยทั้งที่อยู่กลางเมืองมากๆ

ออกจากวัดฉันก็หิวมาก กว่าจะเดินไปถึงสถานีและไปลงซีเหมินติง ออกทางออกที่ 6 ก็เย็นแล้วสักห้าโมงได้

ฉันก็เดินไปหาไก่ทอด JC ที่เค้าว่าอร่อย หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ กินง่าย ก็อร่อยดีค่ะ แต่ฉันชอบปลาหมึกเลยสั่งปลาหมึกทอดมาด้วย อร่อยมากกกกกก

จากนั้นเดินไปหาชามุกแบบแรนดอม ก็อร่อยดี แต่ยังไม่โดนใจมาก เดินเล่นไปมาก็ไปเจอร้านกระเป๋า ไม่แพงมาก เป็นของท้องถิ่น ฉันเลยได้เป้มาสองใบ ใบละเก้าร้อย พันกว่าบาท อีกใบเป็นกระเป๋าสะพายผ้าคล้าย Longchamps ค่ะ เพราะฉันไม่ได้เอาเป้มา กระเป๋าสะพายนี่ใส่ของไม่ค่อยพอค่ะ

กลับถึงโรงแรม แช่น้ำ นอน โรงแรมก็แสนสบายยยย

อ้อ ก่อนนอนฉันก็ลิสต์ว่าพรุ่งนี้ที่จะไปจิ่วเฟินจะต้องเดินทางยังไง
แล้วจองตั๋วรถไฟไปทะเลสาบสุริยันจันทราในวันถัดไปด้วย จองออนไลน์มันนี่แหละ เพราะเค้าบอกถ้าจะให้การันตีว่ามีที่นั่งให้จองแบบออนไลน์

ก็จองไปค่ะ รถไฟความเร็วสูงของไต้หวัน THSR เข้าเว็บเค้า จองขาไป-กลับ เที่ยวละ 700 TWD รวมเป็น 1,400 TWD ฉันจ่ายผ่านบัตรเครดิตนะคะ และตอนกรอกเค้าให้ใส่เบอร์โทรที่ไต้หวันด้วย… ดีที่ซื้อซิมมาค่ะ

วันแรกของการเดินทางคนเดียวก็สนุกไปอีกแบบ ถึงแม้จะเบลอๆ ง่วงๆ บ้าง

SUMMARY

Start the day with the Temple at Xingtian Temple…
เริ่มต้นทริปอย่างเป็นมงคลด้วยการมาวัดนะฮ้า วัดนี้เค้าบอกคนไทยไม่ค่อยฮิต เราเลยอยากมา สวยดีและดูขลังดีแม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเยอะ เราก็มะงุมมะงาหรา นั่ง MRT จากสถานีจงซานใกล้โรงแรมเรามาที่สถานี Xingtian Temple Station และเดินด๊อกแด๊กๆ มาถึงวัด (เย่ ไม่หลง)
.
วันซิงเทียนสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้ากวนอู เทพหลี่ต้งปิน เทพจางตัน เทพหวังซ่าน และเทพเย่เฟย คนมักมาขอพรเพื่อให้ปลอดภัยจากเคราะห์ร้าย และให้การงาน ธุรกิจรุ่งเรือง ชีวิตมีความสุข
น่าสนใจ (และชอบ) ตรงที่วัดที่ไม่มีกระถางธูป ไม่มีเผากระดาษ เพราะเชื่อในจิตสำรวมที่เป็นสมาธิ ในจิตที่ยึดมั่นกับการสวด ปฏิบัติ และทำสมาธิ เหมาะกับคนไม่ชอบหัวเหม็นควัน กะแสบตาควันธูปอย่างเรา

Quick INFO

📆Date: 25 June 2017
⛩Place: Xingtian Temple, Zhongshan District
🇹🇼 Location: Taipei, Taiwan