Frozen BAIKAL ตะลุยทะเลสาบน้ำแข็งไบคาลแห่งไซบีเรีย

bkmb005

ไปเที่ยวทะเลสาบไบคาล…”

ได้ยินอย่างนี้คนส่วนใหญ่จะขมวดคิ้วมันอยู่ส่วนไหนของโลกกันนะมันเหมือนกับบอลข่านหรือเปล่าแล้วถ้าตอบว่า

อยู่ตอนใต้ของไซบีเรีย

คราวนี้ยิ่งมีคำถามไซบีเรียคือที่ไหนอ่ะ

เอางี้ไซบีเรียเป็นดินแดนส่วนใหญ่ของรัสเซียฝั่งตะวันออกกินพื้นที่ยาวมาจรดขอบมองโกเลียเลยค่ะพูดง่ายๆคืออยู่เหนือมองโกเลียขึ้นไปครอบคลุมพื้นที่ตะวันออกเกือบทั้งหมดของรัสเซียrussia_map_siberia

(รูปแผนที่นี่นำมาจาก Google นะคะ / Map cr. Google)

ทะเลสาบไบคาลอยู่ตอนใต้ของไซบีเรียก็อยู่ขอบชายแดนตอนเหนือของมองโกเลียนั่นเองค่ะเป็นพื้นที่อากาศหนาวจัดรุนแรงหน้าหนาวของเค้าอุณหภูมิจะอยู่ที่ -15 ถึง -27 องศาเซลเซียสเลยตัวพื้นที่ไซบีเรียคนอยู่น้อยมากถ้าเทียบกับฝั่งตะวันตกที่เป็นเมืองใหญ่ๆของรัสเซียเพราะอากาศหนาวโหดทารุณแต่ทรัพยากรธรรมชาติเค้าอุดมสมบูรณ์มากๆ

baikal_map

(รูปแผนที่นี่นำมาจาก Google นะคะ / Map cr. Google)

ส่วนเจ้าทะเลสาบไบคาลเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่กว้างใหญ่และลึกที่สุดอันดับหนึ่งของโลกลึกเกือบ 2 กิโลเมตรเลยก็ว่าได้และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงสุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว

ไฮไลต์ของทะเลสาบนี้คือช่วงฤดูหนาวน้ำในทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด!

bkfj008

ย้ำว่าทั้งหมดและรถจะวิ่งได้ทำให้เราขับรถไปเที่ยวชมผืนน้ำกลางทะเลสาบได้ใช่มันแข็งแรงขนาดนั้นเลยค่ะ!

และไปชมเกาะแก่งที่ยามปกติก็ลอยอยู่กลางน้ำทั่วไปต้องนั่งเรือไปถึงจะไปได้แต่ในหน้าหนาวแบบนี้เราขับรถลุยแผ่นน้ำแข็งไปได้เลย

นี่คือไฮไลต์ต้องมาเฉพาะช่วงนี้ของปีเท่านั้นเดือนที่แนะนำคือกุมภากลางมีนาคมก่อนหน้านั้นก็จะหนาวเกินไปคืออาจแต่ -30 องศาได้มาช่วงกุมภามีนากำลัง -15 ถึง -23 องศาก็พอไหวอยู่แต่เลยมีนาไปก็เริ่มไม่เซฟละน้ำแข็งจะเริ่มละลายแล้วค่ะ

เรียกได้ว่าเรากำลังมาสัมผัสดินแดนน้ำแข็ง Frozen ทุกทีมีแต่น้ำแข็งน้ำแข็งและน้ำแข็งมีหิมะปกคลุมบ้างมีแต่ความหนาวยะเยือก

แต่นี่ก็คือเสน่ห์ของไบคาลแห่งไซบีเรียความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเราควรได้มาเยือนสักครั้ง

เรามากับทัวร์ที่จัดกันเองมีหัวหน้าทัวร์ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียและโดยเฉพาะแถบทะเลสาบไบคาลและคุ้นเคยกันดีกับชาวแก๊งของเราเป็นผู้จัดและประสานงานกับไกด์ท้องถิ่นที่นู่นจองที่พักคนขับอะไรไว้หมดก็จะเป็นทัวร์แบบกันเองอบอุ่นแต่ก็เก็บครบถ้วนไม่แพ้ทัวร์ทางการของบริษัทเลยค่ะที่สำคัญราคากันเองด้วย

ทัวร์หลักหมื่นวิวหลักล้านก็คุ้มค่ะ

แนะนำให้มากับทัวร์หรือมีคนคุ้นเคยนำทางพาเที่ยวมากกว่ามาเองเพราะ
1.
คนรัสเซียพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยหรือได้น้อยมากน้อยแบบทำให้เราลำบากได้เลย
2.
ภูมิประเทศเป็นน้ำแข็งหิมะเดินทางยากและยาวนานต้องอาศัยคนท้องถิ่นและรถสมรรถภาพดี
การมีคนประสานงานกับคนรัสเซียให้จึงสำคัญและจำเป็นมาก

ทริปนี้จะแบ่งเป็น 3 parts หลักๆได้แก่

Irkutsk – Ol’Khon Island – Listvyanka

โดยน้ำหนักของทะเลสาบไบคาลจะอยู่ที่เกาะ Ol’khon เป็นหลักและเราจะนอนที่เกาะ 3 คืน

Day 1:

เริ่มทริปต้องไปลงที่ไหน?
เพลินนั่งสายการบิน S7 หรือ Siberian Airlines ไปลงเมือง Irkutsk  (เอียร์คุตส์) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงเวลาที่เอียร์คุตส์เร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง

ออกจากสุวรรณภูมิ  16.50 . ไปถึงสนามบินเอียร์คุตส์เที่ยงคืนกว่าตามเวลาท้องถิ่นหัวหน้าทัวร์ที่รอเราอยู่ที่นั่นแล้วบรีฟก่อนมาแล้วว่าให้พกเสื้อกันหนาวตัวหนาเอาไว้ขึ้นเครื่องด้วยเพราะตอนลงจากเครื่องจะต้องนั่งบัสเข้าไปในอาคารสนามบินซึ่งเป็นจังหวะที่จะหนาวสุดๆไปเลยก็ลบสิบสามลบสิบห้าองศาอ่ะนะ

เราผ่านการตรวจตม. เค้าไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็เจอพี่ตี้หัวหน้าทัวร์เรารออยู่พร้อมไกด์ท้องถิ่นชื่อIlja (อ่านว่าอิเลีย)

อิเลียเป็นคนผิวขาวหน้ากลมผมทองผมน้ำตาลเป็นรัสเซียที่พูดอังกฤษชัดแจ๋วและพูดคล่องยิ้มแย้มอัธยาศัยดีดูกระตือรือร้นพร้อมอธิบายทริปนี้ราบรื่นสนุกสนานส่วนสำคัญหนึ่งมาจากหนุ่มอิเลียนี่ล่ะ

ตอนขึ้นรถนี่หนาวมากถึงจะมีเสื้อกันหนาวโคลัมเบียแต่ท่อนล่างเราบางกรุปเรามีกัน 20 คนจึงแบ่งนั่งรถตู้ 2 คันนั่งราว 20 นาทีจึงถึงที่พักชื่อHostel Good Catมีห้องพักหลายแบบทั้งห้อง 4 คน 2 คน 3 คนมีห้องน้ำในตัวแต่มีครัวรวมเหมือนคอมมอนรูมไว้สำหรับทำอาหารทานข้าวกันง่ายๆ

bk037

หน้าโรงแรมมีตุ๊กตาหิมะด้วยนะ


เพลินได้อยู่ห้อง 4 คนค่ะห้องเบอร์ 10 พวงกุญแจรูปแมวดำน่ารักเลย

bk034

ลักษณะของ Good Cat คือเป็นโฮสเทลมากกว่าไม่ใช่โรงแรม Full Service เรามีหน้าที่หาอาหารทานกันเองแต่ในครัวก็มีเตามีไมโครเวฟและมีจานชามช้อนส้อมแก้วน้ำอ่างล้างจานให้ตรงทางเดินระเบียงมีถังกดน้ำให้เราเติมน้ำดื่มอะไรได้ตามอัธยาศัยนับว่าสะดวกดีเลย

คืนนั้นกว่าจะได้นอนก็เกือบตีสี่และต้องตื่นแปดโมงเช้าเพื่อไปเที่ยวเมืองเอียคุตส์

Day2: Irkutsk City Tour

เนื่องจากซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากเลี้ยวขวาถึงสี่แยกเลี้ยวขวาอีกทีเดินสักบล็อกนึงก็ถึงเราเลยสามารถตุนเสบียงมาทำอาหารเช้ากันได้แต่อันที่จริงก็พกอาหารแห้งมาม่าหมูหยองปลาแห้งอะไรกันมาจากไทยเพียบอยู่แล้วก็ทานข้าวต้มตอนเช้ากันสบายใจ

ตอนเช้าบรรยากาศหน้าโรงแรมก็จะเห็นกองหิมะเกลื่อนแบบนี้ ก็ต้องลุยหิมะไปซื้อของที่ซูเปอร์กันค่ะ

bk038

10.00 ก็ได้เวลาเที่ยวตัวเมืองเอียร์คุตส์ก่อนเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งของรัสเซียอยู่ในเขตไซบีเรียตอนใต้อย่างที่เห็นในแผนที่เรายังไม่ได้ไปทะเลสาบไบคาลตอนนี้ค่ะแต่เอียร์คุตส์เป็นจุดเริ่มต้นที่ใกล้ไบคาลที่สุดเราเลยมาลงที่นี่ก่อนไหนๆมาแล้วก็ต้องมาชมเค้าว่าเค้าเป็นไงมาไงใช่ไหมคะ

เมื่อรถเคลื่อนจากโรงแรมเข้าตัวเมืองจุดแรกที่ให้สังเกตคือสะพานข้ามแม่น้ำอังการา (Angara)เป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดและสำคัญมากในเขตไซบีเรียเช้านี้อากาศ -15 องศาทุกแห่งมีแต่หิมะปกคลุมเมื่อรถข้ามสะพานเห็นแต่ไอหมอกมัวๆจนแทบไม่เห็นแม่น้ำด้านล่าง

รถมาหยุดลงให้เราเดินเล่น เริ่มจาก Kirov Square  มีสถานที่สำคัญหลายแห่งในบริเวณนั้น ทั้งโบสถ์ และอาคารศาลาว่าการ มีทั้งสถาปัตยกรรมโบราณผสานกับสมัยใหม่ ตอนที่เราไปมีแต่หิมะปกคลุม แต่อากาศสดชื่นมาก และหากสังเกตดีๆ จะเห็นตุ๊กตาหิมะกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ รวมถึงรูปสลักน้ำแข็งด้วย

อากาศเย็นเราแพคตัวอุ่นก็จริงแต่พอถอดถุงมือมาถ่ายรูปนี่มีกรี๊ดมันหนาวมากค่ะ

แต่เราก็ต้องยอมอดทนเพื่อให้ได้รูปสวยอย่างที่มันสวย

อิเลียกับพี่ตี้เดินนำแก๊งลูกเป็ดเดินทั่วเมืองและชมสถานที่สำคัญ

bk061

เราเลยได้ไปเจอทหารรัสเซียกำลังฝึกเวรยามเข้าแถวกันอยู่แก๊งที่เราเจอเป็นทหารหญิงผิวขาวแก้มแดงท่าทางยังเด็กๆอยู่ได้ความจากอิเลียว่าเป็นเด็กๆฝึกหัดอยู่พวกเธอต้องเคร่งขรึมแม้ว่าเราจะแอบเห็นพวกเธอกลั้นยิ้มด้วยความเขินอายและซ่อนแววตาอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่มิดก็เถอะ

เดินผ่านทหารยามสาวน้อยไปอีกนิดเราจะเห็น Eternal Flame หรือเปลวไฟที่เค้ารักษาไว้ไม่ให้ดับจะต้องมีคนคอยเป็นเวรยามดูไฟนี้ไว้แต่เท่าที่คุยกันลมแรงขนาดนี้มันก็ต้องมีดับกันบ้างล่ะแล้วหากเข้าใจไม่ผิดจากที่ไกด์พูดทหารยามมีหน้าที่เฝ้าระวังไฟชุดนี้แต่ไม่รู้ใช่ทหารสาวน้อยกลุ่มนั้นหรือเปล่า

มองดีๆ นะคะ ตรงกลางนั้นคือเปลวไฟที่ว่าค่ะ

bk049_1

รอบๆ มีป้ายหลุมศพทหารและวีรบุรุษของชาติ

bk047

bk4

พวกเราเดินเลียบรั้วกั้นจากทุ่งหิมะด้านล่างถ่ายรูปเก็บวิวหิมะขาวโพลนและวิวแม่น้ำอังการาใต้สายหมอกไปตลอดทางเพื่อไปถึงMoscow Gate หรือประตูมอสโคว์อารมณ์เหมือนเป็นประตูชัยของปารีสอ่ะค่ะแต่เล็กกว่าและด้วยความเป็นเมืองเล็กเงียบๆหน่อยประตูเค้าก็จะให้ความรู้สึกสง่างามแบบเรียบง่ายด้วยซุ้มประตูสีเหลืองอ่อนตัดขาวbk050

ตรงนั้นมีรูปปั้นสวยๆอีกสองแห่งที่ไม่รู้ประวัติ (ไกด์ไม่ได้เล่าหรือเล่าแต่เราหนาวจนไม่ได้ยิน) เพลินว่ามันสวยดีและมี expression ของสีหน้าท่าทางอารมณ์รูปปั้นที่ชัดเจนเลยถ่ายมาหลายรูปหน่อย

bk017bk018

DSCF1629

DSCF1633

ถึงตอนนี้แต่ละคนหนาวมากแล้วก็พอดีกับที่ต้องไปชมอนุสาวรีย์กับทุ่งหิมะอีกที่คนขับรถเอารถมารอรับที่ประตูนี้พอดีจึงขึ้นไปหาไออุ่นในรถกัน

แต่นั่งไม่ทันไรก็ถึงอนุสาวรีย์ของอเล็กซานเดอร์ที่ 3ผู้เป็นบุคคลสำคัญแห่งเอียร์คุตส์และรัสเซียพี่กิ่งพี่สาวใจดีในแก๊งเล่าเสริมว่าอเล็กซานเดอร์ที่ 3 ปลดปล่อยคนจากการเป็นทาสคล้ายๆกับยกเลิกระบบทาสโดยกลายๆเป็นต้นแบบให้.5 ของเราชาวไทยที่เสด็จเยือนรัสเซียช่วงนั้นได้แรงบันดาลใจเมื่อนิวัติกลับไทยจึงมีพระราชดำริในการเลิกทาสbk016

ดูเหมือนแก๊งเราไม่ค่อยอินกับอนุสาวรีย์มากนักพวกเราตื่นเต้นกับทุ่งหิมะด้านล่างต้องลงบันได้ไปอีกหลายชั้นลื่นและหิมะสูงพอสมควรคนที่ทนหนาวได้จึงลงบันไดลุยหิมะให้ได้รูปสวยแต่ก็คุ้มค่าเพราะสวยอลังการเห็นน้ำแข็งและหิมะขาวโพลนอยู่ด้านหลังเวิ้งว้างกว้างไกล

bk062

จากนี้เรานั่งรถต่อไปโบสถ์คาซาน (Kasan Church)เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่มีค่าทางจิตใจต่อคนเอียร์คุตส์มากเนื่องจากโบสถ์นี้เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชาวเมืองท้องถิ่นที่มีทั้งชาวบ้านนักโทษกบฎการเมืองโจรกลับใจ (ที่ถูกเนรเทศมาเมืองเอียร์คุตส์) สร้างโบสถ์นี้ขึ้นตัวโบสถ์สวยงามจากรูปแบบการก่อสร้างแบบไบแซนไทน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะภายในประดับด้วยหินอ่อนสีแดงและมีเสาหินหลักของโบถส์ที่ทำจากหยกการเพนท์ลายใต้หลังคาโบสถ์ต้องใช้ช่างชำนาญที่ส่งไปศึกษาจากอิตาลี

เพลินชอบไม้กางเขนน้ำแข็งของโบสถ์นี้น่ารักดีค่ะ

bk066

มื้อเที่ยงเรากินกันช้าหน่อยประมาณบ่ายสองที่ร้านอาหารในย่าน 130 square อันเปรียบเหมือนสยามบ้านเราเป็นแหล่งชอปปิ้งทันสมัยวัยรุ่นเดินเล่นและมีห้างอยู่บริเวณนั้นด้วย

bk060

ร้านอาหารที่เราไปกินเป็นร้านกึ่งบาร์อาหารอร่อย
เพลินชอบหมดเลยทั้งซุปมะเขือเทศใส่ครีมสดขนมปังไส้ชีสก็เด็ดมากแป้งบางกรอบและเค็มมันๆในตัว


ปิ้งย่างเค้าซอสเด็ดมาก
แต่ที่สำคัญคือน้ำเชอรี่มีผลเชอรี่ในนั้นหวานอมเปรี้ยวกำลังดีเติมกันจนหมดเหยือกค่ะ

จากนั้นก็ไปเดินเล่นในห้างเดินจากร้านไปไม่ถึงร้อยเมตรถึงตอนนี้ทุกคนหมดแรงแล้วด้วยความหนาวจึงนั่งแช่อยู่ในห้างหาเครื่องดื่มทาน

และที่สำคัญไปซื้อซิมรัสเซียกันมาใช้จริงๆก็มีบางส่วนที่ให้พี่ตี้จองมาแต่แรกแล้วแต่สำหรับคนที่ยังไม่มีก็มาซื้อเอาที่นี่ค่ะจะได้เล่นเนตเร็วๆ

ตอนเย็นก็ซื้อเสียงทำกินในครัวที่พักค่ะ

DAY3วันนี้เราเดินทางเกือบทั้งวันมุ่งหน้าสู่ Ol’Khon Island หรือเกาะออลคอนเราจะค้างบนเกาะนี้ 3 คืนทะเลสาบไบคาลที่พวกเราตั้งใจมาจะอยู่ที่เกาะนี้นี่ล่ะ

ก่อนอื่นเรามารู้จักเกาะออลคอนกันก่อนนะคะ  เค้าอยู่กลางทะเลสาบไบคาลเลยค่ะ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในไบคาล ใกล้แผ่นดินใหญ่มาก

baikalmap

( Map photo cr. Google เครดิตรูปแผนที่จากกูเกิ้ลนะคะ)

ระยะทางจากเอียร์คุตส์ไปเกาะออลคอนใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงเราก็แต่งตัวให้นั่งสบายๆหน่อยลดจำนวนชั้นเสื้อผ้าลงนิดนึงเพราะใช้เวลาในรถส่วนใหญ่แต่เอาจริงๆระหว่างทางเข้าห้องน้ำตามปั๊มตามร้านอาหารก็หนาวเอาเรื่องอยู่นะคะ

มื้อเที่ยงแวะทานร้านกลางทางจุดแวะของนักท่องเที่ยวก็ต้องเป็นที่นี่เพราะไม่มีร้านอื่นเป็นตัวเลือกมากนักเรายังได้กินซุปมะเขือเทศและสลัดผักหน้าตาเหมือนโควสลอว์กับแผ่นแป้งทอดหน้าตาเหมือนแป้งกะหรี่ปั๊บแผ่นใหญ่

นอกร้านมีน้องหมาหน้าตาเหงาเซื่องจดๆจ้องๆอยู่พอฝูงแก๊งลูกเป็ดพวกเราตื่นเต้นจะเข้าไปใกล้มันก็ถอยเท้าหนีอย่างกลัวๆแต่ก็ไม่ไปไหนยังแอบจ้องเราอยู่ท่าทางกล้าๆกลัวๆ

เพลินแอบสรุปในใจว่ามันคงเคยได้รับอาหารจากนักท่องเที่ยวเลยรอว่าจะมีใครใจดีแบ่งให้มันบ้างเราก็แอบเซลฟี่กับมันทีนึง

นั่งรถต่อกันมาพักใหญ่ๆก็ถึงจุดทางเชื่อมระหว่างแผ่นดินกับเกาะออลคอนซึ่งเจ้าเกาะออลคอนนั้นอยู่กลางทะเลสาบไบคาลอันกว้างใหญ่ปกติก็ต้องนั่งเรือไปเกาะไงทีนี้พอน้ำในทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งก็เป็นทางรถวิ่งผ่านได้เพราะน้ำแข็งมันแข็งแรงมา

เราจึงแวะถ่ายรูปกับทะเลสาบน้ำแข็งเป็นครั้งแรกตรงนั้นเอง

ทะเลสาบไบคาลทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลกพอแข็งตัวด้วยอากาศที่เย็นจัดจึงแข็งแรงมากและเห็นเป็นสีเขียวเข้มดูลึกลับแปลกตามีรอยแยกแตกเหมือนหินอ่อนเหยียบไปครั้งแรกก็ลื่นนิดๆแต่ไม่เปียก! แปลกไหมไม่ได้หนาวน้ำแข็งเลยหนาวแต่อากาศนี่ล่ะ

bk070

นี่ยังไม่ถึงตัวทะเลสาบจริงๆยังรู้สึกตื่นเต้นในความอลังการขนาดนี้เราแวะได้ไม่นานนักเพราะเค้าห้ามจอดนานจากนั้นก็แวะอีกจุดเพื่อชมรูปปั้นสำคัญเป็นรูปปั้นของผู้ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้บุกเบิกดินแดนไบคาล

bk053

ตำนานเล่าว่าเขาเป็นนักโทษจากคุกไซบีเรียที่ขึ้นชื่อว่าโหดร้ายทั้งสภาพอากาศหนาวเหน็บและความเป็นอยู่นักโทษผู้นี้หลบหนีจากคุกได้และเดินทางทุ่งหิมะและน้ำแข็งยะเยือกมาจนถึงดินแดนแห่งทะเลสาบไบคาล

ไม่มีประวัติบอกว่าเขาเป็นใครชื่ออะไรมาจากไหน

ทีนี้เพลินเห็นครอบครัวนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่แก๊งลูกเป็ดของเราได้ยินไกด์ฝรั่งของเค้าเล่าว่าอะไรๆก็ฟังดูเข้าท่าหมดนะตำนานยกเว้นว่าเราดูเท้าของรูปปั้นมันเป็นเท้าเปล่าไม่ค่อยเมคเซนส์เนอะว่าจะเดินเท้าเปล่าจากคุกไซบีเรียมาจนถึงไบคาลได้ไงต้องตายก่อนแน่ๆ

เพลินก็เลยมองตามเออจริง

เราดื่มด่ำกับวิวบนเนินรูปปั้นเห็นเกาะแก่งที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะอยู่ด้านล่างกับหมู่บ้านน้อยๆข้างล่างแล้วยิ่งตื่นเต้นbk056

นั่งรถต่อไปอีกเกือบชั่วโมงสู่เมืองKhuzhir ที่พักของเราอยู่เมืองนี้ซึ่งอยู่ค่อนไปทางกลางๆของเกาะเลยทางก็เป็นดินขรุขระสลับน้ำแข็งทำให้ต้องระมัดระวังเวลาขับรถเลยต้องใช้เวลานานหน่อย

olkhonmap

( Map photo cr. Google เครดิตรูปแผนที่จากกูเกิ้ลนะคะ)

ไฮไลต์ที่เป็นแลนด์มาร์คของไบคาล (ที่เราต้องไปดูวันรุ่งขึ้น) ซะวันนี้เลย

นั่นก็คือBaikal Spirit กับ Shaman Rock  บริเวณนี้เรียกรวมว่าBurkhan Capeหรือแหลมเบอร์คานเป็น 1 ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งเอเชีย

ชามานรอค (Shaman Rock)เป็นหินผาที่ยื่นออกมากลางทะเลแต่จุดที่พวกเรามาถึงเป็นเวิ้งผาถัดไปอยู่ใกล้ๆกันทำให้มองเห็นและถ่ายรูป Shaman  Rock ได้สวยกว่าชัดเจนกว่า

bkfj003

bkfj001

bk027

bk028
ตอนเราเดินขึ้นผาต้องผ่าน Baikal Spiritเป็นแท่งไม้ปลายแหลมยาวๆเรียงรายกัน 5-6 แท่งเป็นจิตวิญญาณของไบคาลนั่นเองลมหนาวยะเยือกบาดผิวกันเป็นแถวๆยิ่งต้องเอามือออกจากถุงมือหนาอุ่นของพวกเราแล้วถือเป็นโมเมนต์ทรมานใจมากๆแต่ก็เพื่อให้ได้ภาพเวิ้งน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตาและชามานรอคที่ตั้งตระหง่านยื่นออกไปกลางทะเลน้ำแข็ง

bk_pl006

อิเลียกับพี่ตี้เล่าว่า (แล้วเพลินเอามาสรุปอีกที) ตรงเวิ้งอ่าวนี่เป็นท่าเรือที่ชาวไบคาลจะล่องเรือออกไปทำมาหากินจึงมีไบคาลสปิริตหรือแท่งไม้ปลายแหลมที่เพลินเล่าเมื่อกี้เปรียบเสมือนสิ่งศักดิ์ศิทธิ์ที่คอยพิทักษ์คุ้มครองชาวไบคาลที่ออกเรือไปให้ปลอดภัยแต่จากที่ไปอ่านเพิ่มเติมSpirit of Baikal  หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของไบคาลมีชื่อเรียกว่าBurkhan  (เบอร์คาน)อันเป็นชื่อของแหลมเบอร์คานแห่งนี้นั่นเอง

Legend of Lake BAIKAL ตำนานความเชื่อของทะเลสาบไบคาล

ว่ากันว่าในอดีตกาลเทพเจ้าแห่งไบคาลมีลูก 5 คนคือแม่น้ำทั้งห้าโดยคนสุดท้องคือAngaraเป็นสาวงามตาสีฟ้าผมสีทองขึ้นชื่อลือชาเรื่องความงามเทพไบคาลรักและหวงอังการามากแต่วันหนึ่งอังการาก็ฉวยโอกาสตอนพ่อหลับหนีจากไบคาลไปหา Yenissei แม่น้ำนอกไบคาลเท่ากับอังการาหอบน้ำจากไบคาลเพื่อไปรวมกับ Yenissei

อังการาจึงเป็นแม่น้ำสายเดียวทีไม่ได้ไหลลงทะเลสาบไบคาลแต่ไหลออกนอกไบคาลสู่แผ่นดิน (ผ่านเอียร์คุตส์ด้วยถ้ายังจำได้)

เทพเจ้าไบคาลเมื่อตื่นก็โมโหโกรธาจนเกิดคลื่นลมปั่นป่วนพายุกระหน่ำจนโกลาหลกันไปหมดอีกทั้งปาหินตามไล่หลังอังการาไปอีกด้วยหินที่ว่าก็ตกอยู่กลางลำคออังการาพอดี (แต่นางไม่ตายนะจ๊ะ) หินขาดเป็นสองท่อนและหินที่ว่าก็คือ Shaman Rock นั่นเอง

อังการาร้องไห้อ้อนวอนพ่อแต่พ่อก็บอกว่า “I can give you only my tears!” หลังจากนั้นอีกหลายพันปีอังการาจึงแบกน้ำตาของตน (และของพ่อรึเปล่าไม่รู้ไม่แน่ใจ) ไปรวมกับ Yenissei เรื่อยมา

ที่นี่จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ

จากนั้นเราจึงเข้าที่พักชื่อโรงแรม  Lada  (Lada Resort)เป็นกึ่งๆรีสอร์ตลักษณะเป็นเรือนไม้แนวยาว 2 ชั้นตั้งขนานกันไม้ก็จะออกแนว log เหมือนกระท่อมเคบิน

เราเรียกสองตึกง่ายๆว่าตึกหลักกับตึกสองตึกหลักด้านล่างเป็นห้องอาหารทานมื้อเช้ามือเย็นก็ทานที่นี่ชั้นสองเป็นห้องพักคู่อีกสองสามห้องเป็นสัดส่วนส่วนตึกสองด้านล่างมีห้องพักคู่สองห้องแยกส่วนตัวด้านบนเป็นห้องรวมเหมือนแฟลตรวมนักศึกษาคือเปิดประตูมามีห้องนั่งเล่นใหญ่ตรงกลางแล้วมีห้องนอนคู่แยกเป็นห้องๆอีก 6 ห้องมีห้องส้วม 2 ห้องและห้องอาบน้ำรวมในห้องอาบน้ำก็แยกเป็นที่อาบน้ำสัดส่วนหนึ่งห้องและอ่างล้างหน้าอีก 3 อ่างเรียกได้ว่าสะดวกสบายแม้นอนรวม

เพลินได้อยู่ตึกสองนี้แหละค่ะ

ดินเนอร์ทานที่รีสอร์ตนี้แหละค่ะอร่อยใช้ได้เลยทั้งของคาวของหวานของหวานก็หวานกำลังดีไม่เลี่ยนเกิน


มื้อเย็นหลังทานอาหารก็มาตั้งวงเล่นเกมส์เล่นไพ่ไรกันกลางห้องแล้วผลัดกันไปอาบน้ำ

เสียงสังสรรค์ดังลั่นจนเจ้าของโรงแรมโผล่หน้ามาดูหลายครั้ง

Day 4

จะบอกว่าการเที่ยวบนเกาะและลุยทะเลสาบน้ำแข็งต้องใช้รถที่ถึกจริงๆเพราะทางโหดมากพวกเราจึงต้องเปลี่ยนรถอีกครั้งเป็นรถตู้แบบรัสเซียแท้สมรรถนะสูงรถนี้จะเล็กกว่ารถตู้เดิมเราเลยต้องใช้ 3 คันแทน

bk026

เราเที่ยวในเกาะ 2 วันเต็มๆวันแรกจะอยู่ทางตอนเหนือของเกาะได้สัมผัสทะเลสาบไบคาลที่กลายเป็นผืนน้ำแข็งกว้างใหญ่ไพศาลแบบเต็มๆ

และท่ามกลางอากาศ -20 องศา!

bk070

ตอนเหนือของเกาะน้ำในทะเลสาบจะลึกกว่าเข้มกว่าตอนใต้มีรอยแตกที่กลืนเป็นเนื้อเดียวกับน้ำแข็งบ้างและรอยแยกกะเทาะออกมาอุดด้วยหิมะอิเลียเล่าว่าเป็นเพราะคลื่นใต้ทะเลสาบลึกลงไปที่ไม่ได้เป็นน้ำแข็งกระเพื่อมคลื่นขึ้นมาบริเวณผิวน้ำส่วนไหนที่เปราะกว่าส่วนอื่นก็จะถูกดันนูนขึ้นมา

แต่ทะเลสาบน้ำแข็งนี่แข็งแรงมากไม่ต้องกลัวยวบสูบลงไปใต้น้ำนะคะถึงส่วนที่แข็งจะประมาณ 1-2 เมตรก็ตามแต่เค้าบอกว่ารับน้ำหนักได้เป็น 10 ตันเพราะเป็นมวลน้ำแข็งทั้งทะเลสาบนี่นา

เราใช้เวลาอยู่แต่ละที่ราว 15-30 นาทีก็ขึ้นรถเปลี่ยนไปชมทะเลสาบน้ำแข็งและถ้ำน้ำแข็งอีกหลายที่รวมทั้งถ้ำน้ำแข็งงอกน้ำแข็งย้อย

อ้าวก็ทุกทีถ้ำทั่วไปเค้าเป็นหินงอกหินย้อย

แต่ถ้ำน้ำแข็งก็เป็นน้ำแข็งงอกน้ำแข็งย้อย

bk071

bkmb009

bkmb008

bkmb012

รวมถึงแหล่งก้อนน้ำแข็งเรียงราย… สมเป็น Blue Eyes of Siberia

bk072

bkmb007

bkmb18

Food for Thought about Lake BAIKAL เรื่องน่ารู้ของทะเลสาบไบคาลเป็นแหล่งน้ำจืดที่ดื่มได้ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกหนึ่งในห้าของน้ำที่ดื่มได้ในโลกนี้มาจากทะเลสาบไบคาล

  • พื้นที่ขนาดใหญ่เทียบเท่าประเทศย่อมๆอย่างเบลเยี่ยมหรือเนเธอร์แลนด์

  • มีขนาดเทียบเท่าทะเลสาบใหญ่ๆ 5 แห่งรวมกัน

  • เป็นทะเลสาบที่ใสและลึกที่สุดในโลก (ลึก 1,637 เมตรหรือราว 1.6 กิโลเมตร)

  • เก่าแก่ที่สุดในโลกอายุราว 20-30 ล้านปี

  • หากโลกนี้ไม่มีน้ำใช้แล้วแต่อิเลียเล่าอีกแบบว่ามีการคำนวณว่า หากใช้น้ำในทะเลสาบไบคาลเลี้ยงคนทั้งโลก โดยให้โควต้าคนละ 1 ลิตร จะเลี้ยงคนทั้งโลกได้เกือบ 20 ล้านปี(ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยปนทึ่ง ทึ่งในความยิ่งใหญ่ของไบคาล ส่วนสงสัยคือสงสัยว่าตัวเองฟังมาถูกป่ะเนี่ย)

ส่วนมื้อกลางวันคือเวลาสุดระทึกเราต้องกินกันกลางป่าน้ำแข็งคนขับรถพามาจอดที่ตั้งแคมป์บนเนินเขามองไปด้านล่างเห็นแหลมโคลบอย  (Cape Kholboy)อันเลื่องลือแต่พื้นที่ตรงนั้นเปราะจึงไม่ได้แวะอย่างที่จัดโปรแกรมไว้

bkfj009

ที่บอกว่าสุดระทึกก็คือไม่มีห้องน้ำต้องหามุมแยกใครแยกมันทิชชู่เปียกสำคัญมากแต่จะว่าไม่มีห้องน้ำก็ไม่เชิงหรอกมีกระต๊อบสามเหลี่ยมเล็กๆหน้าตาเหมือนเพิงสามเหลี่ยมที่มีประตูนั่นคือห้องน้ำเสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้

แต่ไม่ใช่ห้องน้ำธรรมดาเปิดประตูจะเห็นรูส้วมที่พื้นสองข้างและด้านหลังเป็นกองขยะพวกทิชขู่ผ้าอนามัยสยองมากค่ะเวลาเข้าก็ต้องหลับหูหลับตาไม่สิหลับไม่ได้ถ้าหลับจะลื่นเพราะพื้นที่เหยียบเป็นน้ำแข็งสีตุ่นๆไม่อยากจะคิดว่าเป็นน้ำจากอะไร

พอนาทีระทึกผ่านไปก็ได้เวลาทานอาหารกลางสายลมหนาว

คนขับรถพวกเราแปลงร่างเป็นพ่อครัวทำข้าวต้มปลากันตรงนั้นจุดฟืนตั้งไฟใส่ข้าวใส่เนื้อสัตว์ขณะที่พวกเราแก๊งลูกเป็ดถ่ายรูปสวยๆกันอยู่

bkfj011

bkfj010

bkfj012

ลมหนาวยะเยือกมาเจอข้าวต้มร้อนๆก็ช่วยได้เยอะจะว่าไปเค้าก็ทำอร่อยดี

ปลาที่กินเป็นปลาโอมุล (Omul)ของที่นี่ด้วยนะ

bkmb001

จากนั้นก็ลุยทุ่งหิมะ ทุ่งน้ำแข็งอีกหลายแห่ง มีทั้งที่เป็นกองหิมะร่วนๆ หย่อมๆ กระจัดกระจายจนพวกเราแซวว่ามันเหมือนนาเกลือชอบกล

เหมือนกองทรายในทะเลทราย แต่เป็นหิมะในกองน้ำแข็งแทน

bkfj017
Ice Dune

นั่งเล่นเก้าอี้น้ำแข็ง (ธรรมชาติ)

bkfj015
เก้าอี้น้ำแข็ง Ice Chair

ชมความงามตามธรรมชาติ ทุกอย่างล้วนสวยงามในตัวมัน

ตกเย็นเรากลับเข้ารีสอร์ตเดินเล่นถ่ายรูปหน้าโรงแรมในเขตโรงแรมจะเป็นย่านที่อยู่อาศัยจะไม่ใช่ทุ่งน้ำแข็งหนทางกันดารแบบที่เราออกไปเที่ยวกลางวันเราจะเห็นบ้านไม้แบบท้องถิ่นกระจายห่างๆกันแถวนั้นไม่กระจุกตัวมากหิมะขาวโพลนห่อหุ้มทุกครัวเรือนต้นไม้ใบหญ้าไว้หมดมีสุนัขหน้าตาแบบหมาป่าวิ่งมาด้อมๆมองๆขามันกะเผลกๆจ้องมองพวกเราอย่างงงๆแล้วก็เดินไปฉี่ตามโคนต้นไม้ต่าง

เนื่องจากมีต้นไม้เรียงรายกันหลายต้นแก๊งลูกเป็ดเลยตั้งวงถ่ายรูปกันตรงนั้นมันสงบเงียบไร้คนพลุกพล่านเป็นบริเวณของเราเต็มที่ภาพที่ออกมาก็ไม่ค่อยเหมือนเกาะน้ำแข็งออลคอนแต่เหมือนเกาะนามิของเกาหลีมากกว่าฮ่าๆุุ_ภ

Day  5

วันนี้เราจะลงไปตอนใต้ของเกาะซึ่งน้ำในทะเลสาบตอนใต้เกาะนี้จะเรียกว่าทะเลในน้ำจะใสกว่าและไม่ลึกเท่าตอนเหนือ (ยังไงมันก็ลึกอยู่ดีค่ะสำหรับพวกเรา)

bkmb015

แต่ไฮไลต์ของน้ำแข็งตอนใต้คือจะมีฟองอากาศหรือ Bubbleนั่นเองซึ่งจะไม่เห็นในทะเลสาบตอนเหนือ

สวยมากจริงๆค่ะ

bkfj023

เจ้าบับเบิ้ลคือฟองอากาศใต้น้ำแข็งที่เกิดจากการถูกฟรีซฉับพลันบวกด้วยก๊าซออกซิเจนปริมาณมากบับเบิ้ลบางที่จะผสานก๊าซมีเทนที่โรงงานบางแห่งปล่อยออกมาด้วยก็จะได้ลักษณะฟองแตกต่างกันบางบริเวณส่องดูจะเห็นสาหร่ายทะเลหรือพวกแพลงตอนด้วยนะ

bkfj024

bkmb014

มื้อกลางวันนั้นเรากินข้าวต้มฝีมือคนขับรถอีกเช่นเคยคราวนี้มีเนื้อหมูด้วยกินกลางอากาศติดลบยี่สิบริมทะเลสาบน้ำแข็งมันก็จะอร่อยได้ฟีลอีกหลายเท่า

bkfj022

เพลินเติมสองถ้วยด้วยเอ้าก็มันย่อยเร็วนี่นาข้าวต้ม

หลังจากนั้นช่วงบ่ายเราก็มุ่งหน้าข้ามไปยังเกาะน้อยๆชื่อว่า Ogoy Islandจริงๆเจ้าเกาะนี้เค้าห้ามรถวิ่งไปค่ะเหมือนมันจะมีโซนที่ได้รับอนุญาตหรือสำรวจแล้วให้ผ่านไปได้กับบริเวณที่ไม่อนุญาตตอนแรกเราเกือบไม่ได้ไปแล้วเพราะมีเฮลิคอปเตอร์บินว่อนเลยนั่นคือตำรวจคอยตรวจว่ามีใครแอบขับไปบริเวณต้องห้ามหรือไม่ ถ้าจับได้คนขับโดนเลยนะคะ

เราเกือบจะเปลี่ยนโปรแกรมแล้วแต่พอดีพวกคนขับข้างหน้าได้รับสัญญาณบอกกันต่อว่าปลอดภัยแล้วก็เลยมุ่งหน้าสู่เกาะ Ogoyกันต่อ

นึกสภาพก่อนว่าเกาะออลคอน (Ol’Khon Island) ที่เรามาพักมาเที่ยวตอนเหนือตอนใต้กันเนี่ยเป็นเกาะใหญ่ที่สุดและอยู่กึ่งกลางทะเลสาบไบคาลทีนี้ระหว่างแผ่นดินกับเกาะออลคอนก็จะมีเกาะแก่งเล็กน้อยกระจายอยู่แต่ละเกาะก็มีเนินเขาเนินผาอะไรของตัวเองเจ้าเกาะOgoy (โอกอย)นี่ก็เป็นเกาะเล็กๆเกาะนึงในเวิ้งทะเลสาบนี่และอยู่ระหว่างแผ่นดินกับเกาะออลคอน

baikalmap

olkhon_island_map_by_wecan_doit-d7cuy2c

( Map photo cr. Google เครดิตรูปแผนที่จากกูเกิ้ลนะคะ

Ogoy นี้ไม่ใช่เกาะธรรมดาแต่เป็นเกาะที่มีสถูปศักดิสิทธิ์ประดิษฐานอยู่

ไม่ต้องงงจ้ะว่าสถูปแบบพุทธทำไมมาโผล่ที่เกาะน้ำแข็งประเทศรัสเซียล่ะ

อย่าลืมว่าไซบีเรียอันกว้างใหญ่นี้กินพื้นที่มาถึงตอนใต้ของรัสเซียตอนเหนือของมองโกเลียยิ่งทะเลสาบไบคาลนี่อยู่ตะเข็บชายแดนรอยต่อกับมองโกเลียเลยก็จะรับความเชื่อศาสนาพุทธแบบมหายานผสานกับความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าพื้นเมืองมาด้วย

ชนพื้นเมืองดั้งเดิมของไบคาลคือชาวBuryatsมีเชื้อสายมองโกเลียดังนั้นเราจะเห็นคนหน้าตาตี๋ๆมองโกลเอเชียๆที่นี่ประปรายบ้างเป็นลูกผสมกับทางรัสเซียก็จะได้หน้าตาฝรั่งตี๋หล่อดีรูปร่างสูงใหญ่

เราต้องปีนขึ้นเขาไปจนถึงสถูปศักดิ์สิทธิ์ต้องขึ้นเขานี่คือขึ้นจริงๆนะคะ
หอบแฮ่กๆกันกลางอากาศหนาว

bkmb002

bkfj026

ระหว่างทางจะเห็นกองหินเรียงกันอย่างมีนัยยะ จริงๆ มีหินเรียงกันแบบนี้ทั่วไปในเกาะออลคอน และโอกอยค่ะ เป็นความเชื่อทางศาสนา

bkfj020

จริงๆสถูปนี้มีกระจายทั่วไปในไซบีเรียและแถบไบคาลแต่สถูปแห่งนี้เป็น 1 ใน 5 สถูปศักดิ์สิทธิ์แห่งไบคาลเพลินถามอิเลียมาเขาอธิบายว่าสถูปนี่เป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองไบคาลและเทพของสถูปนี้เป็นผู้หญิงชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว

bkfj019

เราเลยเห็นธงมนตราที่จะผูกต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ๆสถูป (หรือแม้แต่ทั่วไปในเขตไบคาล) ซึ่งถ้าหากใครเคยไปเนปาลภูฏานทิเบตจะเห็นธงมนตราแบบนี้อยู่ทั่วไปเขาเชื่อว่ามนต์ที่จารึกลงบนธงผูกไว้ลมจะหอบมนตราศักดิ์สิทธิ์กระจายปกคลุมคุ้มครองทุกคน

bkfj018

คนที่จะมาไหว้สักการะบางคนที่เคร่งก็จะเดินวนขวารอบสถูป 3 รอบพร้อมตั้งจิตสำรวมค่ะเพลินก็วนสามรอบเหมือนกันและไหว้สักการะหน้าสถูปอีกสองครั้ง

มองจากด้านบนนี้จะเห็นวิวที่มหัศจรรย์จนบรรยายแทบไม่ถูกเกาะน้อยใหญ่แถวนี้เต็มไปด้วยหุบเขาสูงชันปกคลุมด้วยต้นหญ้าอ่อนๆที่บัดนี้ถูกปุยหิมะและเกล็ดน้ำแข็งปกคลุมเมื่อมองจากตรงนี้ทะเลสาบที่โอบล้อมเกาะเหล่านั้นเห็นคล้ายเป็นเป็นริ้วคลื่นแม้ถูกฟรีซแข็งมีแต่ธารน้ำแข็งเวิ้งว้างกว้างไกลและเกาะแก่งหุบเนินสีขาวเย็นเยือก

bkfj021

bkfj027

เราลงเขากลับขึ้นรถเพื่อจะไปอีกเขานึงเดินขึ้นไกลจนไม่คิดว่าจะขึ้นไปได้ (จริงๆก็ไม่ได้ไกลมากแต่อากาศหนาวเราเลยท้อแท้นิด) ลมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆจนไปยืนบนปลายผาได้แป๊บเดียวก็ขอบายกลับลงไปนั่งในรถ

แต่แค่ได้เห็นหน้าผาอลังการด้านล่างเป็นทุ่งน้ำแข็งสุดลูกตาก็ฟินแล้วล่ะ

bkmb017

bkmb020

Day 6

เป็นอีกวันที่นั่งรถกลับเอียร์คุตส์เดินทางทั้งวันแต่ก็มีแวะชมวิวถ่ายรูปตามทางบ้าง

รอบนี้เลยเจอน้องกวางหิมะตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางทางดูสงบและสง่าอย่างบอกไม่ถูก

bk068

bk028

และยังเห็นธงมนตร์อยู่เช่นกัน

กลางวันก็แวะกินร้านอาหารเดิมคราวนี้สั่งอาหารเป็นชุดๆแบ่งตามกรุ๊ปโต๊ะเพื่อให้ได้อาหารที่ต้องการมีเค้กกับซุปบีทรูทที่ต่างจากวันนั้นและมีเสี่ยวหลงเปาด้วยแน่ะอร่อยดี

bkmb023

กลับถึงเอียร์คุตส์ตอนเย็นชาวแก๊งลูกเป็ดก็ยกขบวนไปห้างกันต่อเพลินเพลียๆอยากนั่งจัดของเรียบเรียงรูปเลยขออยู่โรงแรม

อ้อเรากลับมาอยู่โรงแรมเดิมนะคะโฮสเทลแมวเหมียวของเรา Hostel Good Cat นะเองน้องพลอยใจดีซื้อสลัดไก่มาฝากเพราะคนอื่นๆทานมื้อเย็นกันที่ห้างแล้ว

Day 7

วันนี้ออกนอกเมืองเอียร์คุตส์ไปเมืองListvyanka (ลิสต์เวียงก้า)นั่งกระเช้าขึ้นเขาไปดูวิวเทพๆเช่นเคยแต่คราวนี้จะมีหิมะมากกว่าน้ำแข็งเรียกว่าเป็นภูเขาหิมะที่แท้ทรูและหิมะก็จะปุยละเอียดกว่าหิมะที่อื่นที่เพลินเคยเจอเหยียบไปก็ยวบๆ

bk062

ถึงจะขึ้นกระเช้าแล้ว เราก็ต้องปีนเขาต่อเหมือนกันค่ะ แต่เป็นภูเขาหิมะร่วนๆ เลย ขาวโพลนไปทั่วทั้งเขา

bkfj031

bkfj32
รถตักหิมะ

ในที่สุดก็ขึ้นไปถึงยอด เป็นจุดชมวิวที่สวยจับใจ เพราะเห็นวิวลิสเวียงก้าทั้งหมด เลยไปถึงทะเลสาบไบคาล

มีทั้งเวิ้งทะเลหิมะ และทะเลน้ำแข็งไกลสุดลูกหูลูกตา

bkfj33

บริเวณจุดชมวิวนักท่องเที่ยวจีนเพียบเลยค่ะ เบียดเสียดกันน่าดูกว่าจะได้ชมวิว หรือได้รูปที่ไม่ติดคน

และตรงจุดชมวิวสูงสุดนั้นเองมีศาลา เป็นกึ่งเพิงหินเล็กๆ ให้หลบหนาว หรือนั่งพัก ก็จะมีหินก่อเรียงอย่างนี้และนักท่องเที่ยวลงชื่อตัวเองเสร็จสรรพ

เพลินไม่ได้ทำนะคะ รู้สึกสงสารธรรมชาติ

bk_002

ใกล้ๆ ก็มีธงมนตร์อีกเช่นกันค่ะ ธงมนตร์จะมีทั่วในแถบนี้เลย

bkfj034

แอบคิดเองว่าวันนี้หนาวน้อยกว่าที่เกาะคือก็หนาวแหละติดลบเกือบยี่สิบองศาอยู่ดีหรือเพราะเราชินแล้ว? ก็ไม่น่าใช่นะ

bkfj035

จากกระเช้าเรากลับลงเขา
นั่งรถไปราวยี่สิบนาทีก็เข้าพิพิธภัณฑ์ไบคาล (Baikal Museum)ที่จัดแสดงสัตว์น้ำสายพันธุ์ต่างๆที่พบเห็นได้ในทะเลสาบซึ่งหาชมที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้เช่นแมวน้ำไบคาลปลาน้ำจืดหลายสายพันธุ์รวมทั้งปลาโอมุลที่เค้าห้ามล่าห้ามตกแล้ว (เลยสงสัยถามอิเลียไปว่าถ้างั้นทำไมเรายังได้กินปลาโอมุลตอนอยู่บนเกาะออลคอนล่ะคนขับรถทำข้าวต้มปลาให้เขาบอกว่านี่เป็นปลาโอมุลตอนโยนชิ้นปลาสับเข้าไปในหม้อ)  แบบจำลองเมืองเอียคุตส์ละทะเลสาบไบคาลที่ทำให้เห็นความน่าทึ่งของการเกดทะเลสาบไบคาลย้อนกลับไปถึง 25 ล้านปี

ได้ขึ้นเรือดำน้ำจำลองโลกใต้น้ำความลึก 1.6 กิโลเมตรของทะเลสาบไบคาล

bk057

เราจึงได้เห็นว่าทะเลสาบแห่งนี้มีความหลากหลายและสมบูรณ์ทางนิเวศวิทยาที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกทั้งยังแสดงเรื่องราวการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของคนไซบีเรียและบริเวณทะลสาบแห่งนี้ออกจากพิพิธภัณฑ์มาพี่ตี้ก็ต้อนให้เราไปถ่ายรูปฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นจุดชมวิวสำคัญนั่นคือจุดเชื่อมต่อปากอ่าวทะเลสาบไบคาลแต่นางให้เวลา 10 นาทีเพราะเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาทานข้าวซื้อของถ้าช้าจะไปไม่ทัน Dog Sledding

bkfj038

จากนั้นเราก็นั่งรถเข้าตลาดเมืองลิสเวียงก้าเพื่อทานมื้อเที่ยงมื้อเที่ยงไม่รวมในค่าทัวร์นะจ๊ะให้อิสระทานเองตลาดจะเป็นลักษณะขายของที่ระลึกและขายอาหารพวกไก่ปิ้งแกะย่างbk008

bkmb004

ด้านข้างสองข้างเป็นร้านอาหารแบบ proper ซึ่งก็ย่างไก่ย่างหมูกันหน้าร้านนั่นล่ะพวกเราก็เลยสุ่มเข้าร้านทางซ้ายมืออีกแก๊งเข้าทางขวามือซึ่งพอมาคุยกันเมนูเหมือนๆกันคือมีไก่ย่างหมู่ย่างซึ่งอร่อยมากน้ำจิ้มก็เผ็ดร้อนใช้ได้

bk009

ทานเสร็จเราก็ลงมาลุยตลาด

ร้านแรกสุดด้านหน้าเป็นร้านขายถั่วและผลไม้อบแห้งคนขายหล่อมากเป็นพ่อค้าแซบตัวสูงใหญ่ผิวสะอาดสะอ้านเป็นฝรั่งตี๋ยิ้มทีสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายละลายทีเดียวนางจะให้ชิมเมล็ดสนเป็นระยะๆแต่เรากลับสนใจอินทผาลัมมากกว่า

IMG_0356

คือยังไงก็อุดหนุนนะคะฮ่าๆ

จากนั้นเข้าไปในตัวตลาดก็มีของที่ระลึกตั้งแต่พวงกุญแจโปสการ์ด (ดีใจมากหาโปสการ์ดมาตลอดทั้งทริปไม่มีเลยค่ะเชื่อไหมเพิ่งเจอวันนี้) หมวกถุงมือพวกอุปกรณ์กันหนาวสไตล์มองโกลตุ๊กตาแมวน้ำ

เพลินได้หมวกมองโกลมาใบนึงตุ๊กตาแมวน้ำตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matriochka)และจานเพ้นท์สีค่ะ (เพลินสะสมจานเพนท์จากประเทศต่างๆอยู่)

bk055

bkmb003

พอบ่ายสองครึ่งเราก็มุ่งหน้าสู่  Mamay Huskyที่เราจะไปนั่งหมาลากเลื่อน (Dog Sledding) ให้เจ้าฝูงหมาไซบีเรียนฮัสกี้ลากเราวิ่งกับขี่Snow Mobileลุยทุ่งหิมะกันเกือบสามโลหรือมากกว่านั้น

bk013

bk004

เค้าให้เราหลบหนาวกันในกระโจมและแบ่งกลุ่มผลัดกันสำหรับกลุ่มสโนว์โมบิล (คันละ  2 คนจับคู่กัน) และกลุ่มที่เล่นหมาลากเลื่อน (one by one) เลื่อนนึงเล่นได้คนเดียวนะคะมีหมาฝูงหนึ่งต่อหนึ่งเลื่อนเจ้าหน้าที่จะปล่อยทีละ 2 ชุดค่ะก็เท่ากับรอบนึงจะปล่อย 2 เลื่อน (หมา 2 ฝูง)

เพลินขี่สโนว์โมบิลก่อนสรุปเป็นคนซ้อนนะคะฮ่าๆพี่อาร์มเป็นคนขับเราต้องใส่ผ้าปิดหน้าใส่หมวกกันน็อคกันหิมะและลมเข้าตาระหว่างนั่งไปนี่ต้องจับราวแน่นเลยเพราะทางจะลุ่มๆดอนๆและไกลมากสนุกมาก

bk_pl002

เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกตอนรถพุ่งมุ่งหน้าไปสู่ทุ่งหิมะกว้างใหญ่จังหวะนึงรถเราเลี้ยวแล้วติดหล่มยกมือให้คนขี่นำ (เจ้าหน้าที่) วกกลับมาช่วยไม่ได้อันตรายอะไรนะคะแต่เราขึ้นเองลำบากเค้าจะให้เราลงรถก่อนและเค้าจะดันรถขึ้นมาจากหล่มหิมะทีนี้ตอนจะลงรถออกมานี่เหยียบพื้นไปปุ๊บ

bk_pl004

ยวบหิมะปุยละเอียดท่วมลึกถึงเข่า

เราก็อารามตกใจเฮ้ยลึกแค่ไหนเนี่ยแต่มันก็พอเดินได้ค่ะแล้วแค่เดินอ้อมรถขึ้นมาตะเกียกตะกายนิดหน่อยก็โอเคละขี่ต่อค่ะ

ลมแรงจนผมกระจายมาในผ้าปิดหน้าจนคันจังหวะที่พี่อาร์มชะลอรถเพลินก็รีบถอดถุงมือข้างนึงจะจัดทรงปรากฎรถออกต่อจ้าถุงมือเลยปลิวหายไปข้างนึงมือข้างนั้นก็หนาวกรี๊ดไปค่าพยายามหันไปมองข้างหลังก็มองไม่ถนัดเลยได้แต่ปลงเมื่อห่างจากจุดที่ถุงมือตกมาไกลมากแล้ว

ทิ้งไว้กับกองหิมะ...

จากสโนว์โมบิลเพลินก็รอพักใหญ่ๆถึงจะได้เล่นน้องหมาคนฝึกบอกว่าเป็นPure Blood Siberian Huskyคือไซบีเรียนฮัสกี้พันธุ์แท้

bk014

ตัวน้องหมาเค้าก็ใหญ่และอดทนต่อความหนาวได้ดูท่าทางมันไม่หนาวเลยแต่คึกคักอยากออกวิ่งมากกว่าสังเกตเห็นมันซอยเท้าใหญ่ท่าทางอยากกระโจนวิ่งเต็มที่แต่ยังไม่ได้รับคำสั่ง

พี่ตี้อธิบายว่าหมาคู่หน้าเป็นหัวหน้าฝูงอย่าไปเล่นกับมันเพราะมันจะดุมาก (ถึงเป็นผู้นำฝูง) คู่หลังๆจะเป็นมิตรเพราะเป็นหมาเด็กก็จะมีงอแงแตกแถวตีกันบ้างอะไรบ้าง

bk_pl004

พี่อาร์มเล่าว่าตาพี่อาร์มขณะที่กำลังวิ่งลากเลื่อนน้องหมาบางตัวแวะฉี่ด้วยค่ะ

สนุกมากเพลินชอบหมามากเห็นมันวิ่งคึกคักเราก็สดชื่นไปด้วย (แม้ว่ามือที่กดถ่ายวิดิโอจะฟรีซแข็งแทบขาดใจก็ตาม)

เค้าจะเปลี่ยนหมาทุกสองรอบค่ะจะมีเซทสำรองผลัดเปลี่ยนกันตัวสำรองก็จะอยู่ในรถมีลูกกรงพักผ่อนมันก็จะร้องโบร๋วๆเป็นระยะแสดงอาการว่าฉันเบื่อขอฉันวิ่งหน่อย

เนื่องจากที่เล่นสโนว์โมบิลกับหมาลากเลื่อนอยู่ใกล้เอียร์คุตส์เราเลยแวะที่นี่เป็นที่สุดท้ายก่อนกลับเอียร์คุตส์แม้ว่าเหนื่อยแล้วแต่ทุกคนก็ยังอยากไปห้างต่อจะได้รวดหามื้อเย็นทานก็เลยแวะห้างที่เพลินไม่ได้ไปเมื่อวาน (คนละห้างกับวันแรก) ไปเดินซื้อซูชิทานอร่อยมาก (อย่างไม่น่าเชื่อ) และไปนั่งกินที่ฟู้ดคอร์ตชั้นสี่ (ซูชิอยู่ชั้นล่าง) แก๊งลูกเป็ดหลายคนหมายตาอาหารที่ฟู้ดคอร์ตไว้ค่ะเพลินเลยไปกินไอติมที่นั่นตบท้าย

แหล่งชอปสำคัญคือเครื่องกันหนาวของยี่ห้อโคลัมเบีย (Columbia) ที่ชั้นล่างเมื่อวานที่เค้ามากันได้โคลัมเบียไปหลายตัวในราคาถูกกว่าเมืองไทยมากมาย (วันนี้ทุกคนเลยใส่เสื้อใหม่มาประชันกันใหญ่) เพลินไปลองดูแต่ไม่มีแบบไหนถูกใจบวกกับมีเครื่องกันหนาวเพียงพอแล้ว (โคลัมเบียก็มีเยอะแล้วมงเบลก็เยอะแล้ว) ไม่ควรซื้ออีก

คืนนั้นเราแพคกระเป๋าเดินทางกันตาตั้งเค้าให้ 23 กิโลแต่ขามาก็ 23 กิโลแล้วจะเกินไหมนี่

แล้วมีเฉลยบัดดี้ด้วยค่ะใช่เราเล่นบัดดี้กันคืนนั้นเฮฮากับแพคกระเป๋ากว่าห้องเพลินจะได้นอนก็ตีสองต้องตื่นตีห้านะคะ

Day 8: พร้อมอำลาไบคาล, เอียร์คุตส์

เพิ่งได้เห็นสนามบินเอียร์คุตส์ชัดเต็มตาก็วันกลับเพราะขามาเรามาถึงเที่ยงคืนทุกอย่างมืดสนิทสนามบินเค้าสีฟ้าหน้าตาน่ารักเชียวไม่ใหญ่มากค่ะกำลังพอดีๆ

 จบทริปตะลุยทะเลสาบน้ำแข็งแห่งไซบีเรียค่ะ สนุก สดชื่น อากาศบริสุทธิ์ และได้ทั้งเสียงหัวเราะของมุกตลกที่ทุกคนปล่อยกันไม่ยั้ง

ไม่มีอะไรจะเยียวยาความหนาวยะเยือกของอุณหภูมิติดลบยี่สิบองศาได้เท่าเสียงหัวเราะแล้วล่ะจริงไหม..

การเตรียมตัว

แลกเงินรูเบิ้ล 

เตรียมแผ่นความร้อนแปะเท้าแปะตัวหรือแผ่นกำขยำใส่ในกระเป๋าเสื้อแนะนำให้เตรียมไปเยอะๆ 30-40 แผ่นเลยเพราะอาจแปะหลายจุดเช่นเท้าข้างละ 2 บางคนข้างละ 4 หน้าท้องหน้าขา

ถุงเท้าบุขนและถุงเท้าฮีทเทค (อาจใส่สองชั้น)

ถุงมือหนาบุขน

ปากกาจิ้มหน้าจอ (หนาวมากบางทีจะได้จิ้มเอาไม่ต้องถอดถุงมือ)

เสื้อฮีทเทค

เสื้อลองจอน

เสื้อฟลีตหรือสเวตเตอร์ไหมพรม

เสื้อดาวน์

แจ็กเก็ตกันลม

กางเกงลองจอน

เลกกิ้งฮีทเทค

กางเกงบุขน

ใส่ 3-4 ชั้นแล้วแต่ประเภทเสื้อผ้าที่เตรียมไปและความขี้หนาวของแต่ละคนไม่เท่ากัน

เพลินเตรียมลองจอน Base Layer ของ Columbia ที่มีเทคโนโลยี Omni Heat ทั้งบนล่างไว้ใส่วันที่อยู่เกาะใส่ชั้นในสุด

ตามด้วยเสื้อ Heat Tech ของ Uniqlo รุ่น Ultra Warm (คือรุ่นสูงสุดค่ะ Extra warm ก็ไม่ช่วยนะคะต้อง Ultra)

ตามด้วยเสื้อ Fleet ของ Columbia หรือสเวตเตอร์ไหมพรม

ทับด้วยตัวนอกเป็นแจ๊กเก็ตโคลัมเบียรุ่นที่ผสมดาวน์แจกเก็ตกับตัวกันลมไว้ด้วยกันจะได้ไม่ต้องใส่หลายชั้นเกินไป

หรือบางวันถ้านอกสุดไม่ใส่โคลัมเบียตัวนี้ก็จะใส่ MontBell เป็นดาวน์แจ็กเก็ตรุ่นขนห่าน 100 (ขนห่านจะอุ่นกว่าขนเป็ดและโพลีเอสเตอร์) และเป็นรุ่นที่กันลมด้วยก็จะเพรียวกว่าใส่โคลัมเบียตัวนั้นค่ะ

ส่วนหมวกก็เอาที่มีปิดปากบังหน้าซื้อที่ร้านจีนแถวพระโขนงอุ่นใช้ได้เลยค่ะบางรุ่นอย่างรุ่นนี้มีปลอกกันหนาวที่คอคู่ด้วยใส่ตัวนี้เพลินไม่พันผ้าพันคอเลยเพราะเจ้าปลอกคอกันหนาวนี่ด้านในบุขนและกระชับกับคอกันหนาวได้แต็มที่ค่ะรองเท้าซื้อบู้ตโคลัมเบียรุ่นนี้เขียนชัดว่ากันหนาวได้ถึงอากาศ -25 องศากันน้ำกันหิมะได้แถมมีระบบซัพพอร์ตเท้าให้เดินไกลได้ไม่เจ็บ

 เดี๋ยวจะทำรีวิวเครื่องกันหนาวแยกต่างหากนะคะ จุ๊บๆ จนกว่าจะพบกันใหม่Italy is calling… คราวนี้ไม่ใช่เมืองนักท่องเที่ยวนะจ๊ะ จะล่องใต้ไปเมืองแปลกๆ ค่า

28 Comments

  1. Ploenetta

    ถามข้อมูลเพิ่มเติมในคอมเม้นต์ได้นะคะ พอดีมันขึ้นคนถามในเมลกันมาเยอะเลยค่า เดี๋ยวเพลินจะมาตอบในนี้ให้ค่ะจะได้สะดวกดีด้วยค่ะ ^^

    Like

  2. หญิง

    สนใจไปไบคาลแต่เดินทาางคนเดียว จองตั๋วแล้วยังติดต่อไม่ได้เลยอีกอย่างพูดอ่านอังกฤษไม่ออกด้วยค่ะ
    โปรดแนะนำและช่วยหน่อยค่ะเดินทาง4-5วันค่ะในไบคาล

    Like

  3. หญิง

    สนใจไปไบคาลแต่เดินทาางคนเดียว จองตั๋วแล้วยังติดต่อไม่ได้เลยอีกอย่างพูดอ่านอังกฤษไม่ออกด้วยค่ะ
    โปรดแนะนำและช่วยหน่อยค่ะเดินทาง4-5วันค่ะในไบคาล ยังไม่จองอะไรเลยมีตั๋วเครื่องลงอย่างเดียว
    ขอบคุณค่ะ

    Like

    1. Ploenetta

      สวัสดีค่ะ หากพูดอังกฤษไม่ได้ไม่แนะนำให้เดินทางคนเดียวนะคะ และคนรัสเซียพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ค่ะ แนะนำควรติดต่อไกด์จากไทยที่ช่วยประสานงานได้ค่ะ อย่างน้อยให้เค้าประสานงานหาไกด์ท้องถิ่นได้ค่ะ

      Like

  4. Ploen

    หากมีข้อสงสัย คอมเมนต์ในนี้ได้เลยนะคะ เพราะมีอีเมลส่งไปเยอะมาก คอมเมนต์ในนี้สะดวกดี เพลินตอบได้ไวด้วยค่ะ
    หรือถ้าอีเมล ให้เมลมาที่ ploenthejourney@gmail.com ได้เลยค่ะ

    Like

  5. Shaaim

    ไม่ทราบว่าคุณเพลินไปกับทัวร์อะไรคะ อ่านแล้วดีมากเลยค่ะ:)

    Like

    1. Ploenetta

      แบบจัดกันเอง รวมจำนวนคนแล้วจ้างหัวหน้าทัวร์ที่ชำนาญทางดีลกับไกด์ท้องถิ่นที่นั่นให้ค่ะ ชื่อคุณตี้ แต่ตอนนี้พี่ตี้ไม่จัดแล้ว ส่งต่อให้เพื่อนอีกคนแทน ยังไงเดี๋ยวขอค้นคอนแทคแล้วส่งให้นะคะ ^^

      Like

    2. Ploenetta

      ได้คอนแทคเพื่อนคุณตี้แล้วค่ะ ชื่อคุณตาล
      ติดต่อทางไลน์ได้เลยค่ะ
      Line ID: Inthebigmango
      Tel: 0814475663

      ขอบคุณที่ติดตามนะค้า

      Like

      1. Mayuri Joobjib Teja

        รบกวนสอบถามคะ ตอนนี้สามารถสอบถามคุณตาลเรื่องทัวร์ได้อยู่หรือไม่คะ

        Like

      2. Ploenetta

        ลองติดต่อคุณตาลได้เลยค่ะ
        Line ID: Inthebigmango
        Tel: 0814475663

        บอกว่ามาจากบล็อกของเพลินก็ได้ค่า

        Like

    1. Ploenetta

      สวัสดีค่ะ ซื้อได้ที่ชอป Columbia ได้เลยค่ะ พารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ก็มีค่ะ

      ขออนุญาตฝากลิงค์บล็อกรีวิวการเตรียมเครื่องกันหนาวสำหรับอากาศติดลบเลขสองตัวไว้นะคะ
      มีรายละเอียดเครื่องกันหนาวและที่ซื้อหลายตัวเลยค่ะ
      ^^
      ลองดูนะคะ ^^

      How to Survive in -23 C’ weather in Siberia…
รีวิวชุดเครื่องกันหนาวสำหรับอากาศติดลบเลขสองตัว

      Like

  6. jab

    ไม่ทราบว่ามีทัวร์ที่รับจัดกันเองแนะนำมั๊ยคะ ขอข้อมูลด้วยค่า ขอบคุณค่ะ

    Like

    1. Ploenetta

      จะมีหัวหน้าทัวร์ฟรีแลนซ์ที่เค้ารับจัดค่ะ แต่พี่ตี้ที่จัดให้กลุ่มของเพลินเค้าไม่รับจัดแล้ว แต่รีเฟอร์ไปให้เพื่อนแทนค่ะ รอบนี้เต็มไปแล้วเพราะเพิ่งหมดช่วงทะเลสาบน้ำแข็ง ต่อไปจะละลายแล้ว อาจต้องรอปีหน้าค่ะ ยังไงเดี๋ยวหาคอนแทคแล้วแจ้งไปอีกทีนะคะ ^^

      Like

      1. Jab

        ขอบคุณมากค่ะ
        ว่าจะไป กุมภา 63 หรือ 64 เลยอ่ะค่า

        Like

  7. Fon

    พอดีได้เข้ามาอ่านรีวิว เขียนสนุก ชัดเจนดีค่ะ น่าไปมากกกกก พอดีจะรบกวนถามค่าใช้จ่ายทั้งหมด ค่าไกด์ และเบอร์ติดต่อหรือเฟสของไกด์อิเลียด้วยค่าาาา ขอบคุณมากนะคะ

    Like

    1. Ploenetta

      สวัสดีค่ะคุณ Fon
      ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ดีใจจังที่เป็นประโยชน์
      ค่าใช้จ่ายรวมตั๋วเครื่องบิน ค่าไกด์ ค่าที่พัก ค่ารถ ค่ากิน ประมาณสี่หมื่นนิด ๆ ค่ะ ส่วนเรื่องไกด์ คือเรารวมกลุ่มกับเพื่อน แล้วจ้างไกด์นำทาง โดยเค้าจะประสานงานกับไกด์ท้องถิ่นที่นู่น และรถนำเที่ยวค่ะ
      ไกด์ของเรา (คนไทย) ชื่อพี่ตี้ Line: tydanai ค่ะ
      ตอนนี้โปรแกรมพี่ตี้อาจปรับเปลี่ยนนิดหน่อยลองสอบถามดูอีกทีได้ค่ะ

      ก่อนหน้านี้มีคนทักมาถามจากรีวิวเยอะมาก ช่วงนั้นพี่ตี้ไม่ว่างจัด เค้าเลยแนะนำคุณตาลเพื่อนเค้าแทน ช่วงก่อนใครมาถามเพลินเพลินก็จะแนะนำคุณตาลไปหลายสิบคนเลยค่ะ (แต่ตัวเพลินไม่เคยไปกับคุณตาลนะคะ) ลองติดต่อทั้งพี่ตี้ ทั้งคุณตาล ก็ได้ค่ะ ไลน์คุณตาล line: inthebigmango นะคะ

      ตอนเพลินไปกับพี่ตี้ พี่ตี้เป็นคนประสานกับอิเลียค่ะ

      ยังไงลองถามโปรแกรมจากพี่ตี้กับคุณตาลก่อนก็ได้

      ติดขัดอะไรเรื่องเตรียมตัวลองมาถามเพลินอีกได้ค่ะ ยินดีตอบ
      ^^

      Like

      1. Fon

        ตอบไวแท้ ขอบคุณนะคะ แสดงว่าคุณเพลินจ่ายค่าไกด์ 2 ต่อ ถูกมั้ยคะ ทางพี่ตี้ (หรือคุณตาล) แล้วก็เค้าก็จะดิวกะไกด์ท้องถิ่น ซึ่งเราต้องจ่ายอีกก้อน (หลังจากที่เค้าแจ้งมา) พอสามารถแยกย่อยมาได้มั้ยคะ ค่าไกด์ประมาณเท่าไหร่ค่ะทั้งคนไทยและทางนุ้น…เราเคยไปมอสโกกะเซนต์ปีเตอร์เบิร์กแล้ว ใจอยากไป Baikan กับ ล่าแสงเหนือที่ Murmansk มาก จะไปรวดเดียว ค่าใช้จ่าย เป็นลมแน่ๆ 5555 ขอบคุณมากนะคะ คุณเพลิน

        Like

      2. Ploenetta

        อ๋อ จ่ายก้อนเดียวที่พี่ตี้ค่ะ ไม่ต้องจ่ายแยกให้ไกด์ท้องถิ่นแล้วค่ะ เลยไม่แน่ใจว่าค่าไกด์ทางโน้นเค้าดีลกันเท่าไหร่ อ่อ จำได้ว่าจบทริปไบคาล พี่ตี้ไปMurmansk ล่าแสงเหนือต่อเลย (ไม่กลับด้วยกัน) คุณFon ลองถามรูทพี่ตี้ก็ได้นะคะ

        บอกว่ามาจากคุณเพลิน จากเที่ยวเพลิน – Ploen The Journey

        ทั้งคุณตาลและพี่ตี้จำได้ค่ะ ^^

        Like

      3. Fon

        อ่ออๆๆๆๆ อะเครคร่าาาาา ไว้มีโอกาส ฝนทักไปที่พี่ตี้ หรือคุณตาลอีกทีนะคะ ขอบคุณมากจ้าาาาาาา ^^

        Like

  8. Mam

    เวลานั่งรถไกลๆ มีปัญหาเรื่องห้องน้ำไหมคะ
    แล้วเวลาเดินบนน้ำแข็งลื่นมากไหมคะ กลวหกล้ม บาดเจ็บค่ะ ขอบคุณค่ะ

    Like

    1. Ploenetta

      จะมีปัญหาที่หนาวมากจนไม่อยากเข้าห้องน้ำนี่แหละค่ะ จะทรมานตอนถอดเสื้อ 555 น้ำแข็งก็ลื่นค่ะ ต้องใส่ตัวกันลื่นที่พื้นรองเท้าไว้ด้วยจะเซฟสุด หรือไม่งั้นเลือกรองเท้าที่ดอกหนาๆ ค่ะ

      Like

Leave a reply to Ploenetta Cancel reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.