เราจากซาเกร็บมาในรุ่งเช้า เมื่อออกนอกเมืองหลวงมาเรื่อยๆ จะเริ่มเห็นบ้านเรือนแบบชนบทๆ เริ่มเห็นทุ่งหญ้า เห็นวัวตามทุ่ง… เริ่มเห็นความบ้านไร่ขึ้นทุกทีๆ จนมาถึงเมือง Karlovac เมืองผลิตเบียร์ชื่อดังของโครเอเชีย… คาร์โลวัคเป็นเมืองชนบท ทำไร่นา เลี้ยงวัว และนำผลิตผลมา Barter หรือแลกเปลี่ยนกัน… ไม่น่าเชื่อว่ายังมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมที่เคยได้ยินสมัยก่อนอยู่ในปัจจุบันนี้
คาร์โลวัคเป็นเมืองเล็กๆ แห้งๆ กันดารๆ นิดๆ แต่เช้าวันนั้นกลับไม่แห้งอย่างที่ตาเห็น
ละไอหมอกบางเบาปกคลุม Karlovac ณ พิพิธภัณฑ์สงครามกลางแจ้ง Turanj War Open Air Museum เราเลยแวะดูสักหน่อย
อันที่จริงเห็นอาวุธและยานพาหนะสงครามมาตั้งกลางแจ้งแบบไร้พิษสงอย่างนี้ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน มันยืนนิ่งสงบราวหลับใหล เพลินอดนึกไม่ได้ว่าเมื่อก่อนมันสังหารไปไม่รู้กี่ร้อยพัน หรือหมื่นแสนชีวิต
มันเคยดุเดือด บ้าเลือด เปี่ยมพลัง…วันนี้มันนิ่ง เหมือนทหารปลดระวาง กลางเมืองอันเงียบเชียบ
จริงๆ ถ้าพูดถึงสงครามของ “บอลข่าน” คือดินแดนโครเอเชีย สโลวิเนีย มอนเตเนโกร บอสเนีย เซอร์เบียพวกนี้มันโหดร้ายมากเลยนะคะ เพลินคงไม่ทำลายบรรยากาศดีๆ ด้วยการพูดถึงเรื่องนี้ตอนนี้
ช่างขัดกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของพลิตวิตเช่ที่เราจะเจอกันต่อไป
แต่อย่างว่า ทุกอย่าง ทุกที่ ทุกชาติย่อมมีด้านสว่างที่เราพร้อมเชิดชู ภาคภูมิ กับด้านมืดที่เราอยากจะเก็บเอาไว้เป็นบทเรียน
หมอกยังคงโรยตัวหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มกริ่งเกรงว่าพลิตวิตเช่ที่จะไปกันวันนี้ อากาศจะมัวซัวไหมน้อ…
เราเริ่มออกรถกันอีกครั้ง… หวังใจว่าอากาศจะสดชื่น ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เมื่อมาถึงอุทยานแห่งชาติพลิตวิตเช่ อากาศสดชื่น แจ่มใส
National Park Plitvice Jazera
ว่ากันว่าหากมาโครเอเชียแล้วไม่มาพลิตวิตเช่ ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงโครเอเชีย
พลิตวิตเช่เป็นอุทยานแห่งชาติที่ UNESCO ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกปี 1979 ซึ่งนั่นแปลว่าอุทยานแห่งชาติแห่งนี้จะต้องอุดมสมบูรณ์ถึงขีดสุด ไม่เสื่อมโทรม มีการอนุรักษ์ดูแลอย่างดี
พร้อมสรรพสมบูรณ์ทั้งต้นไม้นานาชนิดเรียงแน่นขนัด แนวเขาและน้ำตกลดหลั่นเป็นชั้นๆ ปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้หลากพันธุ์ น้ำในทะเลสาบสีฟ้าใสแจ๋ว บ้างก็สีเทอควอยซ์ บ้างก็ถึงขั้นสีมรกต ที่เคยได้ยินคำบรรยายต่างๆ นานาว่าน้ำสีมรกตได้เห็นกับตาก็วันนี้!
ยังจะหงส์น้อยหงส์ใหญ่ที่ลอยเล่นน้ำอย่างมีความสุข
นกเป็นน้ำขนมันปลาบเขียวเข้ม ชนิดที่จินตนาการถึง “เขียวหัวเป็ด” กันออกเลยทีเดียว
เพลินมาได้ฤดูใบไม้ร่วง พอดิบพอดีในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ได้อารมณ์ความรู้สึกคนละแบบกับฤดูอื่นๆ อย่างฤดูร้อน หรือฤดูหนาว
โทนสีพลิตวิตเช่ฤดูร้อน (มิย-สค) ก็จะคนละเฉดกับใบไม้ร่วง สีจะเขียวสด ออกโทนฟ้าๆ โทนเย็น (แม้อากาศจะร้อน)
ขณะที่ฤดูใบไม้ร่วงนี่แหละที่ได้เห็นสีโทนร้อน แต่นัวๆ ละมุนตา ให้ความรู้สึกอบอุ่น อย่างเฉดส้ม เหลือง น้ำตาล แล้วพอตัดกับฟ้าสีสดและน้ำสีมรกตในทะเลสาบ ยิ่งได้อารมณ์
National Park Plitvice Jezera ต้อนรับเราด้วยสีเหลืองจัด ประกายส้มแน่นขนัดตั้งแต่ทางเข้า
เหลืองอร่ามต้อนรับ…. แค่นี้ก็ตื่นตาตื่นใจ สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นได้เต็มปอด
เพลินเริ่มเดินตอนบ่ายเพราะมาจากซาเกร็บ ผ่านคาร์โลวัค มาถึงพลิตวิตเช่ใกล้ๆ เที่ยง แวะทานอาหารที่ภัตตาคารของอุทยาน
อาหารก็ตามสูตร เริ่มจากสลัดจืดๆ (น้ำสลัดที่ใส่แล้วเหมือนไม่ใส่) ตามด้วยจานหลักเป็นปลาเสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งและผักต้ม ปลาเค้าอร่อยดี ทานง่าย ตบท้ายด้วยของหวานเป็นแอปเปิ้ลสตรูเดิ้ล (Apple Strudel) เป็นขนมหวานของคนประเทศแถบนี้
จากร้านอาหารนั่งรถไปอีกนิดนึงก็มาถึงจุดเริ่มต้น… ทางเข้าอุทยานนั่นเอง
เค้าบอกว่าที่นี่สามารถเลือกเดินได้ 8 แบบ แต่เพลินเลือก A หรือ B นี่แหละ ที่ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เริ่มจาก station1 ไปถึง P3 (pier) ซึ่งเป็นท่าเรือ จากนั้นล่องเรือผ่านทะเลสาบ KOZJAK LAKE ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบล่างขึ้นสู่ชั้นบนของอุทยานมาที่ P1
ด้านหน้าทางเข้าจะมีบอร์ดให้เห็นแผนที่ภาพรวมของอุทยาน เราสามารถมองเห็นภาพรวมจากตรงนี้ได้ว่าเราจะเดินไปเส้นทางไหน มีให้เลือกหลายทางตามอัธยาศัย
บอบบาง ไม่ถึกอย่างเรา เอาเบาะๆ 2-3 ชั่วโมงพอเนอะ
มาทำความรู้จักพลิตวิตเช่กันนิดๆ พอสังเขปนะคะ อุทยานแห่งชาติพลิตวิตเช่นมีเนื้อที่กว่า 269 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยทะเลสาบสีมรกต สีฟ้าเทอร์ควอยซ์ รวมกันถึง 16 ทะเลสาบ เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบและเนินเขา
น้ำตกที่กระจายอยู่ประปรายก็ไหลรวมกันในทะเลสาบนั่นเอง
และน้ำตกนี่แหละที่เป็นไฮไลต์อีกอย่างของพลิตวิตเช่
ถ้าใครเคยไปจิ่วไจ้โกว (เพลินยังไม่เคยไป) ก็จะบ่นว่าน้ำตกที่เป็นไฮไลต์ของพลิตวิตเช่ที่เรียกว่า Big Waterfall นั้นช่างอ่อนด้อยนัก ไม่ตระหง่านอลังการเอาซะเลย ขณะที่เพื่อนร่วมทางของเพลินเห็นรูปโปรโมตของ Big Waterfall ที่ใช้เทคนิคการถ่ายเทพๆ แล้วจินตนาการว่าของจริงต้องยิ่งใหญ่เหมือนน้ำตกไนแองการา มาเห็นของจริงก็ตกใจว่าทำไมมันเล็กอย่างนี้!
คนไม่เคยไปทั้งจิ่วไจ้โกว ทั้งไนแองการาอย่างเพลิน ก็เลยอธิบายว่า ที่นี่ก็ไม่ได้คิดจะแข่งจะอวดอะไรสักหน่อย น้ำตกนี่ก็ใหญ่สุดในโครเอเชีย อุดมสมบูรณ์มาก และมีความสลับซับซ้อนที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้น่าอัศจรรย์ ก็คงอารมณ์เหมือนของรักของชาติใครก็มี story มีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าภูมิใจเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
มันก็ใหญ่ ก็สวยงามในแบบของมัน ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับใคร
แม้แต่เราเองก็ยังไม่ชอบถูกเปรียบเทียบเลย จริงไหม
ใครสวยกว่าใคร หล่อกว่าใคร
ใครเก่งกว่ากันระหว่างฉันกับเขา…
ก็เหมือนคนผิวสี เค้าก็สวยในแบบของเค้า เราจะเอามาตรฐานผิวขาว ผิวเหลืองไปตัดสินก็คงไม่แฟร์นัก
เช่นเดียวกับถ้าเราเจอฝรั่งมาเหยียดว่าผิวเหลืองอย่างเราๆ นี่ต้องโง่ล้าหลังแน่ๆ เราก็คงไม่ชอบใจ
ไปไกลละเนอะ เพลินแค่คิดว่า การไปเที่ยวในประเทศใดประเทศนึง ไปชมความงาม วัฒนธรรม ธรรมชาติของเค้าก็ควรมองแบบเปิดกว้าง อย่าเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตัวเองเคยเจอมาแล้วเอามาตัดสินแล้วเราจะเที่ยวไม่สนุก
อย่างน้ำตกนี่ ถ้าโฟกัสว่าเรามาชมธรรมชาติอันงดงาม อุดมสมบูรณ์ของโครเอเชีย เราก็จะดื่มด่ำมีความสุขแล้วล่ะ
อยู่เมืองไทยแดดร้อนเพลินไม่สู้หรอกนะคะจะมาเดินป่า เดินเขาชมธรรมชาติ นอกจากจะกลัวดำแล้ว อากาศบ้านเราแดดแผดแสบผิวมากไม่น่าเดิน
แต่ที่นี่อากาศเย็นสบาย สดชื่น แดดแรง แต่ไม่แสบร้อน ถึงอย่างนั้นก็ควรทาครีมกันแดด พกแว่นกันแดดมาค่ะ เพราะแม้อากาศไม่ร้อน แต่แดดแรงนี่จะทำเราดำง่ายนักเชียว!
Emerald green หรือเขียวมรกต ใสสดอย่างนี้นี่เอง
เขียวใสตัดสีเหลืองของสุมทุมพุ่มพฤกษ์ สวยจริงๆ
โทนสีของใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะออกวอร์มๆ อย่างนี้ สวยมากก
ร่มรื่น เย็นตา อบอุ่นใจ
อากาศเย็นสบาย สดชื่น เหมาะแก่การฟอกปอดจริงๆ
น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา… เห็นจริงๆ ปลาน้อยแหวกว่ายในสระน้ำใสราวกระจก สะท้อนสีฟ้าสดของผืนฟ้า แวดล้อมด้วยหุบเขาและต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น
พูดถึงหงส์กับนกเป็ดน้ำ ที่นี่เค้าห้ามให้อาหารสัตว์ คือห้ามโยนขนมปังให้ปลา ให้เป็ด หงส์กินนะคะ เพราะจะทำให้เสียระบบนิเวศน์ แต่นักท่องเที่ยวบางคน โดยเฉพาะพี่ไทย (จีนยังไม่บุก ถ้าบุกละตายแน่) ไม่รู้ ไม่เข้าใจคำว่าทำให้เสียระบบนิเวศน์ ก็ยังดันทุรังจะให้ขนมปังต่อ
รู้ไหมว่ามันเป็นการฆ่าสัตว์พวกนี้ทางอ้อม และฆ่าอย่างเลือดเย็น
ปกติสัตว์น้ำพวกนี้มันหาอาหารของมันกินเองตามธรรมชาติ พอถึงฤดูหนาวมันก็ย้ายไปที่อื่นที่อุ่นๆ เพื่ออยู่อาศัยและหาอาหารกิน นี่เป็นธรรมชาติของมัน
แต่พอมนุษย์ไปให้ขนมปัง ให้อาหาร เจ้าพวกนี้มันก็เข้าใจผิด คิดว่าไม่ต้องย้ายไปไหน ไม่ต้องหากินเองก็มีกินได้ตลอดทั้งปี
ทีนี้พอถึงหน้าหนาวหนาวจัดๆ ไม่มีคนมาเที่ยว หรืออุทยานปิด เจ้าพวกนี้ก็แกร่วรออยู่ที่เดิมแต่อนิจจา… ไม่มีใครมาให้อาหาร
มันก็…อดอาหารจนตาย
เข้าใจหรือยังว่าเลือดเย็นยังไง… ดังนั้น อย่าให้อาหารมันนะคะ
ตอนเพลินไปอากาศเย็นสบายแต่แดดแรงจัด แรงชนิดที่แอบกังวลตลอดเวลาแม้ทากันแดดมาแล้วว่าฉันจะดำไหมน้อ…. จากที่เตรียมมาหนาวเพราะได้ยินว่าอากาศในอุทยานชื้นมาก เพลินต้องสลัดเสื้อคลุมวูลสีน้ำตาลตัวนอกออกทันทีเพราะเหงื่อท่วม! ด้วยความที่มันกันหนาวได้ดี มันก็เลยหนัก พอต้องหอบละก็…เป็นภาระเลยค่ะ ดังนั้น เช็กอากาศมาแล้วก็จริง ต้องคิดเผื่อว่าเดินๆ แล้วมันจะร้อนนะคะ
สภาพตอนนั้นคือสะบักสะบอมกับการสะพายกระเป๋ามาหลายวัน ขนาดเอากระเป๋าทิ้งไว้บนรถ เอาแต่ของจำเป็นเช่นกระเป๋าใส่เงินคู่น่า มือถือ พาเวอร์แบงค์ กล้อง แว่นตากันแดด…
แค่นี้ก็ปวดไหล่เกร็งเอามากๆ มือข้างหนึ่งถึงกระเป๋าตังค์ที่เสียบพาเวอร์แบงค์ได้ (กระเป๋าผ้าร่มมูจิ ไม่มีหูหิ้ว เหมือนซองใส่เหรียญ มีซิปสองด้าน ด้านนึงเพลินใส่เงิน อีกด้านใส่พาเวอร์แบงค์ แผนที่อุทยาน)
สะพายกล้องอีกข้าง และมีเสื้อหนาวหมีนี่พาดบ่า!
คราวหน้าจะสะพายเป้เบาๆ มาค่ะ เข็ดเลย
พอถึงท่าเรือP3 (pier) มีจุดแวะให้ปิกนิก ซื้อเบอร์เกอร์ น้ำมานั่งชิลก่อน
จากนั้นก็ล่องเรือผ่านทะเลสาบ KOZJAK LAKE ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบล่างขึ้นสู่ชั้นบนของอุทยานมาที่ P1 ระหว่างทางก็ชมความงดงามยิ่งใหญ่ของธรรมชาติทั้งเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่าน เชื่อมต่อด้วยน้ำตกต่างๆ มากมาย
สภาพบนเรือมันก็จะเหนื่อยล้าแบบนี้
ที่นี่ยังมีการจัดการนักท่องเที่ยวดี เป็นระบบระเบียบ จึงทำให้อุทยานแห่งชาติของเค้าสวยงาม ไม่เสื่อมโทรม ไม่มีนักท่องเที่ยวไร้จิตสำนึกทิ้งขยะได้หน้าตาเฉย ไม่มีคนนิสัยเสียทำลายธรรมชาติอันงดงาม
คนจีนยังไม่บุก ถ้าบุกนี่อีกเรื่อง เตรียมตัวไว้เลยนะพลิตวิตเช่… หงส์กะนกเป็ดน้ำไม่ตายดีแน่ ฮือๆๆๆ ไม่อยากคิดให้ถึงวันนั้น
จากท่า P1 ต้องเดินต่ออีกหน่อย ขึ้นบันไดที่ช่วยกันนับ 701 ขั้น จริงๆ ถือว่าไม่หนักหนามากถ้าร่างไม่น่วมเสียก่อนจากการเกร็งมือถือเป๋าใส่เหรียญ สะพายกล้อง พันเสื้อหนาวจากนั้นก็ต้องยาดมมาสูดให้ชื่นใจสักหน่อย กินน้ำสักขวดเต็มๆ ขึ้นรถเมื่อไหร่ก็ฉีดสเปรย์น้ำแร่ไปอีกทีเพื่อความสดชื่น
เราออกจากพลิตวิตเช่ด้วยความเสียดายหน่อยๆ (แต่ก็เหนื่อยสะสมอะนะ) เราชอบสีเหลืองที่ต้อนรับและอำลาเราตลอดทาง และม่านไม้หลากสี และความละมุนละไมของผิวน้ำสะท้อนแดดระยิบระยับ กับนกเป็ดน้ำและเจ้าหงส์ที่ว่ายไปว่ายมาไม่เดือดร้อน หาได้ทุกสีสันและทุก Texture
เข้าใจเลยว่าเหตุใดจึงกล่าวขานกันว่าอุทยานพลิตวิตเช่คือเสน่ห์ของโครเอเชีย…
และอากาศสดชื่นเอามากๆ
จากนี้เรากำลังจะมุ่งหน้าลงใต้สู่แคว้นดาลมาเชียที่อากาศจะอุ่นขึ้น จะมีกลิ่นอายทะเลอาเดรียติกมากขึ้น ก่อนจะเข้าดาลเมเชีย เราเลยแวะ Macola เป็นคาแฟ่บิสโทรเล็กๆ ที่มีของชำนิดๆ หน่อยๆ ขาย มีเรื่องเล่าว่าเจ้าของ (เดิม) ใจดี ใครแวะผ่านทางมาก็เลี้ยงให้กินอิ่ม อารมณ์ว่าเป็นเศรษฐีใจบุญ
และแกคงเป็นเศรษฐีจริงๆ เพราะมีหอดูดาวส่วนตัวด้วย คนอะไรจะมีหอดูดาวได้ถ้าไม่รวยถูกไหมคะ!
ขณะที่หอดูดาวแกหน้าตามิลเลเนี่ยม เมทัลลิคๆ ข้างๆ นั้นเองกลับ contrast อารมณ์อย่างสิ้นเชิงด้วยทุ่งหญ้าเล็กๆ และกรงกะคอกเลี้ยงสัตว์ มีทั้งหมี ลา ม้า
คราวนี้จะได้เห็นหมีจริงๆ หมี Bear แบบอยู่ต่อหน้าเลย
ได้อารมณ์สวนสัตว์แบบบ้านๆ ธรรมชาติๆ ส่วนน้องหมีนั้นรอบกรงเป็นไฟฟ้านะจ๊ะ อย่าเข้าไปแหย่เชียว
เรียกได้ว่าวันนี้ธรรมชาติกันสุดๆ ได้รับธาตุดิน ธาตุไม้กันเต็มๆ จากนั้นเรามุ่งหน้าเข้าเขตแคว้นดาลมาเชียทางตอนใต้ อากาศจะอุ่นขึ้นประมาณ 3 องศาตามแบบทะเลเมืองใต้ ปลายทางของเราอยู่ที่เมือง Zadar (ซาดาร์) นั่งรถชั่วโมงครึ่งก็มาถึงซาดาร์บ่ายคล้อย ราวสี่โมงเย็น
เพลินพักที่โรงแรม Hotel Falkensteiner Club Funimatio Borik, Zadar เป็นรีสอร์ตตากอากาศสำหรับครอบครัว
ห้องก็ใหญ่โตกว้างขวางดี
มีชายหาดด้านหลังโรงแรม เค้าบอกว่าพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยที่สุด แต่เพลินมัวเอาของไปเก็บในห้อง เลยมาไม่ทันพระอาทิตย์ตกดิน เสียดายเหมือนกัน เลยได้แต่ไปนั่งเล่นรับลมทะเล อากาศกำลังสบาย ลมแรงคลื่นซัดฝั่งรัวๆ ชวนให้นึกถึงคำเปรียบเทียบว่า “ทะเลคลั่ง”
จบวันนี่แทบจะคลานขึ้นเตียงเลยค่ะ
SUMMARY
จากซาเกร็บ แวะ Karlovac ชมพิพิธภัณฑ์สงครามกลางแจ้งก่อนเข้าอุทยานแห่งชาติพลิตวิตเช่ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกปี 1979 อุดมสมบูรณ์ด้วยทะเลสาบฟ้าเขียวใสสด ผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ใบไม้หลากสีสันสวยงามและน้ำตกลดหลั่นเป็นชั้นๆ
ออกจากพลิตวิตเช่แวะ Macola ก่อนมุ่งหน้าเข้าเขตแคว้นดาลมาเชีย มุ่งสู่ปลายทางคือเมืองซาดาร์ พักริมทะเลอาเดรียติก สัมผัสกลิ่นอายทะเลแถบบอลข่าน
Tips
หากเช็กอากาศแล้วมีแดด ไม่ต้องเตรียมเสื้อไปหนามาก เพราะยิ่งเดินจะยิ่งเบิร์นจนต้องเอาออกสักชั้น
ควรสวมรองเท้าผ้าใบที่ใส่สบาย ระบายอากาศดี แนะนำ GEOX หรือ SKETCHER สวมใส่สบาย แบบไม่เชยเกินไป พอปรับเข้ากับการแต่งตัวแฟชั่นได้บ้าง
พกของจำเป็นไปในพลิตวิตเช่ เช่น โทรศัพท์มือถือ พาเวอร์แบงค์ เงิน แผนที่ ลูกอม ยาดม น้ำดื่ม แว่นตากันแดด
3 Comments